วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

เลิกเห็นกงจักร เป็นดอกบัว: วอน DSI มอง มส. ใหม่.

เลิกเห็นกงจักร เป็นดอกบัว:

วอน DSI มอง มส. ใหม่.


 .....หลังจากผมได้โพสต์ เมื่อสองวันก่อน ที่ได้ชี้แจงต่อสังคมเรื่อง..

- พระวินิจฉัย พระดำริ พระลิขิต
- นานาสังวาส - มีสังวาสเสมอกัน
- กรณีรื้อฟื้นอธิกร ของ พระธัมมชโย ตามกฏนิคหกรรม ซึ่งไม่สามารถทำขึ้นใหม่ได้ เพราะยุติไปแล้วนั้น (ตามพุทธบัญญัติ).
.......
มาวันนี้ บทความดังกล่าวนี้
ปรากฏว่าเป็นที่สนใจของสังคม/ชาวพุทธเป็นอย่างมาก
สื่อต่าง ๆ เอาไปขยายเผยแพร่สร้างความกระจ่างแก่สังคมอย่างยิ่ง
ซึ่งก็ถือว่า เป็นบุญพระศาสนาร่วมกันครับ
ขออนุโมทนาสื่อด้วยครับ
ใครแชร์ใครช่วย ก็ล้วนมีส่วนสร้างกุศลใหญ่ สืบอายุพระศาสนาร่วมกันครับ.
......
ข้อความที่ผมโพสต์ นับว่าเป็นประโยชน์ต่อไปอีกขั้น นั่นคือ
- ได้ให้สติ และสร้างความหวั่นไหว ต่อการปฏิบัติหน้าของ DSI ที่ขะมักขะเม้น อย่างผิดสังเกต
ที่จะเอาเป็นเอาตายกับ พศ. และมส. ในกรณีนี้ให้ได้
ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะทางโลกหรือทางธรรม
ดังรายละเอียดที่ผมแจงไว้เรื่อย ๆ แล้วนั้น.
.....
วันนี้เรามาทำความเข้าใจในศัพท์/คำที่ มส. ใช้ในมติ "พระวินิจฉัย". กันนะครับ
- ขอยืนยันว่า เรื่องทั้งหมดนี้ มีหลักฐานชัดเจนครับ
โดยสามารถเรียงลำดับสืบค้นหาความจริงได้ ดังนี้
1. กรณีพระวินิจฉัย พระดำริ นั้น
ขอให้ทาง DSI ไปหาคำตอบได้ที่ พศ. ครับ (ผู้ทำหน้าที่เลขา มส.)
คำข้างต้น ผมคงไม่ต้องแจงให้เสียเวลาอีก
แต่การไปหาเขา ก็ขอให้เข้าออกถูกช่องถูกทางนะครับ
เพราะถ้าขืนจู่ ๆ ยกกองกำลังไปแบบคราวไปวัดปากน้ำ ละก็
เกิด จนท. เขาถามหาหมายค้น
จะหน้าแหกออกมา เตือนไว้ก่อน
มันมีระเบียบระหว่างหน่วยงานอยู่แล้วนี่ครับ
ทำไมไม่คิดทำละครับ
ข่าวว่าวันสองวันนี้จะไปกันนี่ครับ.
.....
- สมมติ เมื่อได้สำเนามติ มส. ดังกล่าวนี้มาแล้ว
ก็ขอให้ตัดอคติออกไปจากใจเสียก่อนนะครับ
"แล้วหันหน้ามามอง มส. ให้เห็นเป็นดอกบัว ตามความเป็นจริง"
"อย่าเห็นดอกบัว กลายเป็นกงจักร เหมือนที่ผ่านมา"
- จากนั้น ก็ให้ไปตั้งสติก่อนแล้วค่อย ๆ อ่านมติ มส. นี้ดี ๆ ย้ำไปย้ำมา
ให้พิจารณาทุก ๆ คำ ทุก ๆ บรรทัด
เพราะการใช้คำใช้ศัพท์ของบรรดานักปราชญ์ระดับสูงทั้งโลกทางธรรมอย่างเช่น กรรมการ มส.
ที่ทุกท่านมีความลึกซึ้ง ใช้คำแบบครอบคลุม
ทั้งธรรมวินัย และป้องกันกฏหมายทางบ้านเมืองอย่างแยบยลนั้น
มันสุดที่ปัญญาอย่างพวกเราจะเข้าใจได้ง่าย ๆ
ยิ่งพวกอยู่ตามม๊อบ ชาติหน้าก็หมดสิทธิ์เข้าใจครับ (สักหน่อย).
....
2. จุดสำคัญของข้อความในมติ มส. นี้ ผมจะขอแยก ให้เข้าใจง่าย ๆ นะครับ ดังนี้..
2.1 "ที่ประชุม (มส.) รับทราบพระดำริที่สมเด็จพระสังฆราชประทานมาทั้งหมด"
2.2 "มหาเถรสมาคมสนองพระดำริมาโดยตลอดให้ชอบด้วยกฏหมาย พระธรรมวินัย และกฏมหาเถรสมาคม".
ทั้ง 2 ข้อนี้ คือ ข้อความ ข้อคำที่สำคัญ ที่ปรากฏอยู่ในมติ มส. นี้ครับ
มาขยายความเพื่อให้เข้าใจกัน
อธิบายข้อ 2.1 ดังนี้
- มส. รับทราบแต่เฉพาะ"พระดำริ" เท่านั้น
ก็คือไม่ใช่รับทราบ "พระวินิจฉัย"
เพราะหากเป็นรับทราบ "พระวินิจฉัย"
องค์สมเด็จญานจะมีความผิดทันที ได้แก่
- ฐานไปวินิจฉัยสงฆ์นานาสังวาส ซึ่งผิดตามพระธรรมวินัย
(สั้น ๆ แค่นี้ก่อน).
อธิบายข้อ 2.2 ดังนี้
มติ มส. ว่า
"สนองพระดำริโดยตลอด ให้ชอบด้วยกฏหมาย พระธรรมวินัยและกฏมหาเถรสมาคม"
นั่นเพราะหากใช้คำว่า "สนองพระวินิจฉัย" ก็จะผิดทันที 2 ข้อ คือ..
- ฐานนานาสังวาส (อธิบายแล้ว)
- ฐานเป็นประธานศาลฎีกาสงฆ์
เพราะขณะที่มีพระวินิจฉัยออกมานั้น
ปรากฏว่า ณ เวลานั้น ศาลสงฆ์ชั้นต้น ยังพิจารณาอธิกรนี้ ยังไม่แล้วเสร็จ
ดังนั้น ประธานศาลฎีกาสงฆ์ (องค์พระสังฆราช)
จึงไม่สามารถ มีคำ "วินิจฉัย" ใด ๆ ออกมาได้
ซ้ำยังอาจจะชักให้พระองค์อดีตประมุขสงฆ์ ทรงมาต้องอาบัติหนักที่เรียกว่า
"สังฆาทิเสส" ตามสิกขาบทที่ 10 ข้อเพียรพยายามทำลายสงฆ์ อีกด้วย
เพราะนอกจากจะนานาสังวาสแล้ว ซ้ำศาลสงฆ์ชั้นต้นก็กำลังดำเนินการอยู่อีกด้วย
นี่ยังไม่กล่าวถึงขัดต่อ กฏ มส. อีก
....
- ตรงนี้จึงสันนิษฐานได้ว่า
เป็นไม่ได้ ที่พระองค์จะไม่ทรงรู้พระวินัยข้อนี้ และกฏมหาเถรสมาคมข้อนี้
ด้วยวัตรปฏิบัติที่บริสุทธิ์ และทรงเคร่งครัดในระเบียบแบบแผน
ตรงนี้แหละครับ
ผู้คนจึงเชื่อว่า "เรื่องนี้ พระองค์อาจไม่ทรงทราบด้วย".
.....
- ตรงนี้แหละครับที่สำคัญมาก ที่ผมจึงได้เคยเตือน DSI และแม้แต่พุทธอิสระ และคณะ ไปหลายรอบแล้วว่า...
"ระวังจะเป็นการชักให้พระองค์เข้าสู่อาบัติใหญ่โดยไม่รู้ตัว".
......
3. ที่ชัดเจนประการหนึ่ง คือ ข้อว่า
"เมื่ออธิกรใด ยุติไปแล้ว ไม่สามารถรื้อฟื้นทำใหม่ได้อีก"
(ตามสิกขาบทข้อ 3 ที่ได้แนบมาด้วยแล้วนี้)
หากยึดตามพุทธบัญญัตินี้
ไม่ว่ายังไง อธิกรที่ยุติแล้ว
ก็ไม่สามารถรื้อฟื้นทำใหม่ได้อีก
นอกจากคนที่คิดรื้อฟื้นจะมีพุทธเจ้าองค์อื่นนะแหละครับ
- ถ้าภิกษุใด ยังเพียรพยายามรื้อฟื้นอธิกรที่ยุติแล้วขึ้นทำใหม่อีก
ก็จะเข้าข่ายเพียรพยายามทำลายสงฆ์ อันจะต้องอาบัติสังฆาทิเสส ตามสิกขาบทที่ 10 ทันที
ชัดนะครับ.
........
4. การรักษาพระเกียรติ
- มส. จึงต้องพิจารณาอย่างรอบครองเพื่อรักษาพระเกียรติ และมส. ไว้
จึงใช้คำว่า
" ....โดยตลอด...."
"พระดำริ"
"ให้ชอบด้วยกฏหมาย ....."
ขึ้นไปอีกชั้นด้วย ดังที่ได้อธิบายไว้แจ้งในข้างต้น
- นี่เป็นการรักษาพระเกียรติอย่างสูงสุดที่ มส. ถวายแก่องค์ประมุขสงฆ์ขณะนั้น.
................
- เป็นไงครับ
ได้เห็นถึงความละเอียดอ่อนลึกซึ้งของข้อปฏิบัติของสังฆมณฑล
ที่ใช้ และปฏิบัติกันในพระพุทธศาสนาโดยรวมบ้างหรือยังครับ
ซึ่งเท่าที่ผมแจงมานี้ ก็แค่ส่วนย่อยเท่านั้น
ยังมีลึกซึ้ง ละเอียดลงไปกว่านี้หลายเท่านัก
เพราะนี่เป็นการปฏิบัติที่เกี่ยวเนื่องกับ
"นามธรรม" เพื่อขัดเกลากิเลส
ไม่ใช่
"รูปธรรมนิ่ม ๆ"เพื่อเพิ่มกิเลส
ที่พวกท่านสัมผัสหลังเลิกงานนะครับ
ตาสว่างหรือยังครับ.
.................
ขอเพิ่มเต็มก่อนจบว่า..
- ผมทราบว่า วันสองวันนี้ DSI เกิดเดือดร้อนใจ
กรณีชักพระสังฆราชเข้าหาอาบัติหนัก
จะด้วยที่ผมได้โพสต์อธิบายแก่สังคมไปอย่างละเอียดหรือเปล่าไม่ทราบ
DSI เกิดร้อนวิชา
กำลังจะยกพลไปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ หรือหารือกับ ผอ .และรอง ผอ. สนง. พุทธ กรณี นานาสังสวาส ว่า ..
"นานาสังวาส เสมอด้วยสังวาสกล่าวโจทย์ปรับอาบัติกันได้หรือไม่ มันยังไงแน่"
อยากจะบอกสั้น ๆ แก่ทั้งคนที่จะไปพบ และคนที่ถูกไปพบนั้น
ขอให้ทั้งสองฝ่าย
กรุณาก้มดูขาตัวเองก่อนนะครับว่า...
"นุ่งสบง หรือนุ่งกางเกง"
ถ้ายังนุ่งกางเกงอยู่
ก็ให้วิ่งเอาหัวโขกกำแพงก่อนนะครับ
เผื่อสติสตังมันจะกลับมาบ้าง.
.....
- ว่าไปแล้ว การที่ DSI เดินไปพบ พศ. ครั้งนี้
ผมว่าก็เหมือนคนป่าอีกเผ่าหนึ่งเดินไปหาคนป่าอีกเผ่าหนึ่ง
แล้วคุยกันเรื่องว่า..
"เมื่อไรไทยเราจะมีเลือกตั้งนะแหละครับ"
(เอาจนได้)
โคตะระมั่วทั้งคู่ ครับ.
........
- ระวังนะครับ ไป พศ. ครั้งนี้
ถึงคราวซวย
เดินหลับหูหลับตาเข้าไปใน พศ. มั่ว ๆ
ดันไปเจอ รอง พศ. ชยพล ของผมละก็ ฮากันกลิ้ง
เพราะแทนที่จะได้สิ่งที่ต้องการกลับสำนักงานนั่นนะ
"นอกจะได้แต่ลมไปแล้ว อาจได้ของเหลวจากแกแถมด้วยก็ได้นะครับ" ฮา.
....
- อยากจะบอกว่า
มส. นั่นคือ ศาลฎีกาสงฆ์ตัดสินอธิกรทั้งปวง ทุกอย่างจบที่นี่ครับ
พวกท่านจะสะเปอะสะปะออกทะเลเสียเวลาไปทำไม
วันๆ เห็นเดินไปตามแต่พวกเพี้ยนหลุดโลก ทั้งอุปโลกตนเองเป็นนั่นเป็นนี่ ไปร่วมขวนนรกทำไมครับ
มส. มส. มส. ท่องให้ขึ้นใจสิครับ.
......
- ก็ทำไมละครับ
จะไปพบเจ้าอาวาส ดันพากันไปหาเด็กวัดทำไม
หรือว่าจะสมคบเด็กวัดเกเรวางแผนกันเผาวัดกันครับ
ได้สติกันหรือยังครับ DSI. ที่เคารพ.
.....
- สุดท้าย อยากจะฝากบอก รอง ผอ . ชยพล ด้วยว่า
ผมเคยเตือนท่านไปแล้วว่า...
ขออย่าได้ไปเที่ยวให้สัมภาษณ์มั่ว ๆ ว่า..
"ปรับได้" "โจทย์ได้"
โดยไม่รู้เรื่องธรรมวินัยของพระสักนิด เหมือนเช่นตอบสื่อในวันนี้ อีกเลยนะครับ
ซึ่งมันก็ไม่ผลปฏิบัติอะไรหรอกครับ
เพราะต่างฝ่าย ก็ไม่เกี่ยวกับศาลสงฆ์ทั้งคู่อยู่แล้ว
แต่สังคมเขาจะสับสนเพิ่มครับ
เหนื่อยกับคนแก้ข่าวด้วย กับคนทำงานด้วย
ที่สำคัญมันเสียหายต่อหน่วยงาน และพระศาสนาครับ
เพราะเป็นการบิดเบือนพระวินัย ที่ไม่น่าจะให้อภัยเลย
กรุณาหยุดขยันเรื่องโง่ ๆ นะครับ ท่าน รอง ชยพล.
.....
สรูปโพสต์วันนี้ ว่า...
- มาถึงวันนี้
คงถึงเวลาแล้วละครับ ที่ DSI จะต้องเปิดตาให้สว่าง
ให้มองเห็นว่า..
"ทางไหนสวรรค์ ทางไหนนรก"
"อันไหนกงจักร อันไหนดอกบัว"
ระหว่าง มส. กับ แก๊งค์ทำลายพระศาสนา
อธิบายกระจ่างมาขนาดนี้
ผมคงไม่ต้องชี้อีกกระมังครับ.

โชคดีทุกท่านครับผม
เจ้าคุณเบอร์ลิน
07.03.2016


 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น