วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

ห้องกระจก วัดบวร - พระลิขิต- เงินอุดหนุน สังฆราช 300 ล้านบาท- ภูเขาไฟที่รอการปะทุ

ห้องกระจก วัดบวร - พระลิขิต- เงินอุดหนุน

สังฆราช 300 ล้านบาท- ภูเขาไฟที่รอการปะทุ



------------------------------------------
- หลังจากที่ได้ดีเบตเรื่องเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช กับพุทธอิสระทางโพสต์ไปวันก่อน.
- ผมคิดว่าก็น่าจะสร้างความกระจ่างไปได้มากแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้.
- หากพูดเรื่องนี้ ไม่พูดถึงห้องกระจกแห่งวัดบวร เรื่องก็หมดความสำคัญไป.
- วันนี้ผมจะพาไปรู้จัก ดินแดนที่เรียกเสียหรูว่า "ห้องกระจก"นั่น ที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ ในไสตล์ เจ้าคุณเบอร์ลินนะครับ (รูปภาพที่แนบมานั้นผมเองไปมาล่าสุดนี้เองครับ).
---------------------------------
- ผมคิดว่า อาจทำให้สังคมตอนนี้ คงจะได้เห็นว่า ไอ้ดินแดนที่ดูเหมือนสงบดูเหมือนบริสุทธิ์ผุดผ่องชวนน่าศรัทธาเลื่อมใสนั้น ในอีกด้านหนึ่งว่าไง.
- ซึ่งแท้ที่จริงแล้วอาณาบริเวณนี้ มันแฝงด้วยสภาพทที่สกปรกโสโครก ตรงข้ามกับภาพที่โชว์แหกตาสังคม มาอย่างนานเท่านานเช่นไร.
------------------------------------
- มีผู้ใหญ่หลายท่าน ทั้งพระทั้งโยม มาบอกเจ้าคุณเบอร์ลินหลังโพสต์เรื่องเงินอุดหนุนังฆราชนั้นมาว่า.. "ตรงจุดแล้ว ".
- ท่านยังบอกต่อว่า...
"ขอให้จี้ต่อไป แต่อย่าให้คนไม่เกี่ยวข้อง หรือ วงการสงฆ์โดยรวม กระทบมากนัก"
- ขอให้เจ้าคุณมั่นใจได้เลยว่า .....
"เพื่อเป็นการป้องกันผู้ที่จิตใจหยาบช้า เลวทราม ไม่ให้ นำไปเป็นเหตุทำร้ายผู้อื่น อีกต่อไป".
- ท่านว่าต่อว่า.....
"เนื่องจากช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา ได้สร้างความยุ่งยากให้คณะสงฆ์
ก็ล้วนมีที่มาจากห้องกระจก ทั้งสิ้น".
- แล้วก็ให้ข้อมูลตรงกับทีมงานของผมว่า....
"ที่สำคัญต้นเหตุแห่งการเรื่องร้องเรียนเงินเกือบ 300 ล้าน ของสมเด็จพระสังฆราช ในวันนี้ นั่นเอง".
-----------------------------------------------
- ห้องกระจกฝั่งรากในวัดบวรนานแค่ไหน สร้างความยุ่งยากให้วัดบวรมากน้อยเพียงไร
คนวัดบวรนั่นแหละรู้ดีที่สุด.
----------------------------------------
- พระและคนที่เขามีใจเป็นธรรม รักความถูกต้อง รักวัดบวร และมีเคารพนับถือในองค์สมเด็จญาณ ฯ เขาอึดอัดกันทั้งนั้น.
- จึงอยู่ในสถาพน้ำท่วมปาก พูดออกไปไม่ได้ มีแต่เสียกับเสีย ทั้งอาจเกิดอันตรายต่างๆกับตนอย่างไม่คาดคิดอีกด้วย.
-----------------------------
- ยิ่งเมื่อสมเด็จพระสังฆราชทรงอาพาธ ด้วยแล้ว.
- ห้องกระจกก็ยิ่งปรากฏฉายรัศมีแห่งอำนาจมืด แผ่ครอบคลุมทั่วสังฆมณฑล หนักเข้าอีก.
- โดยเฉพาะ เกิดมีฤาษีคอยแปลงสาส์น สารพัด คือ
"ให้พระอักษรเป็นพระลิขิต
ให้พระลิขิตเป็นพระบัญชา
แล้วนำพระลิขิตไปแสวงหาผลประโยชน์นานาประการ
ทั้งเงินทอง ตำแหน่ง ลาภยศ".
---------------------------------------
- จนชื่อเสียงห้องกระจกเน่าฟอนเฟะ ส่งกลิ่นชั่วกลิ่นเหม็นไปทั่วบ้านทั่วเมือง
ก็แปลกนะครับ กลิ่นเหม็นเหล่านี้ พอเดินเข้าวัดบวรกลับกลายเป็นกลิ่นหอมไปได้ไงก็ไม่ทราบ.
- ทุกคนเงียบหมด ไม่พระหรือคน.
- เรื่องเหล่านี้ ใครๆ เขารู้กันทั้งนั้น.
- ด้วยทรงฤทธิ์ทรงเดช จึงปลุกเสกได้สารพัด.
- ดังนั้น จึงมีพระหลายรูปได้เป็นเจ้าคุณ จนถึงรองสมเด็จ โดยง่าย.
- โดยแทบไม่ต้องถามหาคุณสมบัติหรือกฎระเบียบใดๆทั้งสิ้น.
- ก็อิทธิฤทธิ์เพราะห้องกระจก นี้แหละบันดาลได้สารพัดนึก.
------------------------------
- ยังไม่เพียงแค่นั้น ฤทธิ์เดชชั่วนี้ ก็ยังขยายไปสู่อาณาจักรของคนไม่ใช่พระอีกนั่นก็คือ.....
- มีคนหลายคนได้เป็นนายพลนายพัน ก็เพราะห้องกระจกนี้ด้วย.
- ที่แทบไม่น่าเชื่อเลยก็คือ ....
"ดันมีอีกหลายคนเช่นกัน ที่ได้เป็นคุณหญิง คุณนาย เพราะห้องกระจกนี้เช่นกัน"
-----------------------------------
- ตำนานห้องกระจกนี้ BBC หรือCNN คงได้รู้สักวันนะครับ ในอนาคต
ถึงเวลานั้นเมืองไทยอาจดังก้องโลกด้วยเรื่องเน่าๆก็ได้ คงสนุกกันบ้างงานนี้.
----------------------------------------
- ไอ้ที่เคยกระหยิ่มใจมาตลอดว่า.......
"ใครมันจะมากล้ากับกู".
งานนี่คิดผิดคิดใหม่ได้นะครับ.
จึงขอสั้น ๆ เป็นของฝากจากเจ้าคุณเบอร์ลิน ว่า...
"ผมเอาแน่ ถ้ายังไม่หยุดชั่ว".
----------------------------------------------------------
พระลิขิตเป็นเสมือนใบเบิกทาง จู่โจมเข้าหาเป้าหมายที่ล็อกไว้
- ว่ากันว่า เงินทองที่สะพัดหมุนเวียนผ่านห้องกระจก นั้น.
- มีมูลค่ามหาศาล ตลอดจนการออกเหรียญรุ่นต่างๆ ให้เช่าบูชา โดยที่เงินไม่มีตกถึงวัดเลย.
- ทุกวันนี้ ถ้าใครต้องการพิสูจน์เรื่อง นี้ ก็ไม่ยาก.
- แค่เดินทะลุไปด้านหลังวัดบวร ไปถึงติดคลอง ก็จะพบสารพัดห้อง/ซุ้มให้เช่าวัตถุมงคลเต็มไปหมด.
-----------------------------------------------
- หากพระเณรรูปใด ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของห้องกระจก.
- แม้จะปฏิบัติดีแค่ไหน เก่งแค่ไหน มีความดี มีความรู้สามารถเพียงไร.
- ก็จะกระเด็นกระดอน ไม่สามารถอยู่ในวัดบวรได้ จะถูกห้องกระจกบีบให้ออกจากวัด.
- โดยเรื่องนี้ มีอดีตสามเณรอุปัฏฐากเฝ้าหน้าเตียงสมเด็จพระสังฆราช เป็นตัวอย่างไปแล้ว.
- ท่านยังต้องระเหเร่ร่อนออกจากวัดไป เพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของห้องกระจก.
------------------------------------
- ข้อนี้ไม่รู้มีใครบอกให้พุทธอิสระรู้บ้างหรือไม่.
- เหตุเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวง ที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ จนเกิดความยุ่งยากวุ่นวาย แบบหาข้อยุติไม่ได้ทั้งหมด จนเหมือนจะยิ่งกว่าสมัยฮ่องแต้จีนเสียอีกนั้น.
- ก็ล้วนมาจากห้องกระจก ทั้งสิ้น.
---------------------------------------------
- ดังนั้น พอโพสต์เจ้าคุณเบอร์ลิน ที่สมมติ ดีเบต กับ พุทธอิสระ ในครั้งที่แล้วนั้น.
- ก็ยิ่งทะลุทะลวงจนถึงห้องกระจก เหมือนทะลวงแหล่งผลประโยชน์มหาศาล ชนิดไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน.
- จากนั้นคล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมง ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับวัดบวร.
- ได้ ติดต่อมาหา และขอร้องเจ้าคุณเบอร์ลินถึงเยอรมันว่า..
"ให้หลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องเงินสมเด็จพระสังฆราช เพราะเกรงจะกระทบพระเกียรติ".
- ผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นที่คุ้นเคยกันมานานมาก ซึ่งก็คงไม่ต้องปกปิดอะไร .
- ผมเองก็ติดนิสัยที่ว่า..
"หากพูดเรื่องงาน ผมจะไม่เกรงใจใคร เพราะหลวงพ่อสมเด็จเกี่ยวท่านสอนไว้อย่างนี้ ท่านว่า "ไม่เช่นนั้น งานจะเสีย".
-------------------------------------------------------
- ผมเจ้าคุณเบอร์ลิน จึงถามท่านกลับไปตรง ๆ ว่า..
"ก็ตอนที่พุทธอิสระไปยื่นหนังสือให้ สตง ตรวจสอบเงินสมเด็จพระสังฆราช แล้วทำไม ไม่มีใครพากันเกรงว่า จะทำให้กระทบพระเกียรติพระองค์ท่านล่ะ"
" หรือเห็นว่า ตอนนั้นได้เปรียบ รอส้มหล่น เลยทำเป็นนิ่งๆ แต่พอเรื่องจะย้อนเข้าหาตัว ก็ใช้มุก "เกรงจะกระทบพระเกียรติ" .
- ท่านรู้นิสัยผมดี ท่านก็เงียบ.
- ผมมีจังหวะ จึงฝากบอกลอยๆไปว่า ..
"งานนึ้ ผมเอาจริง นะ
บอกมันด้วยว่า
มาไงก็ไปงั้น
คดีมาก็คดีไป
และหากจะให้ผมหยุด
ก็ไม่ยาก
แต่มันต้องหยุดชั่วก่อน".
---------------------------------
- ผมอยากขอให้สังคมได้โปรดรู้ว่า ..
คนพวกนั้น สร้างความเสื่อมเสียพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราชมามากพอแล้ว.
- ถึงขนาดใช้ห้องกระจกเป็นแหล่งต่อลอง เสนอลาภยศต่อพระมหานิกายมาแล้ว.
- ซึ่งหลายต่อหลายรูปที่ดูมีสง่าราศี ที่จะส่งเสริมฝ่ายธรรมยุตได้.
- ฝ่ายห้องกระจก ก็จะดำเนินการติดต่อ ขอต่อลองโดย ขอให้ญัตติใหม่แปลงเป็นธรรมยุติทันที.
- ดูพฤติกรรมซีครับ ไม่เรียกว่า"โคตรชั่ว จะให้เรียกว่าอะไรดี".
- ใครเงียบก็เงียบไป แต่ผมเจ้าคุณเบอร์ลินขอประกาศไว้เลย
"ผมไม่เงียบแน่นอน มันเริ่มเรื่องก่อนผมด้วย".
--------------------------------------------------
- กรณีนี้ ผมอยากจะให้สังคม และศิษย์ธรรมกายทั่วโลกได้รู้ไว้อย่างว่า ..
"หากพระรูปที่ว่านั้น หากไม่ยอมเปลี่ยนก็จะมีชะตากรรมเยี่ยงท่านธมฺมชโยหรือไม่".
- ผมชี้ได้แค่นี้ และชี้ให้แล้ว ก็ไปคิดต่อยอดเอาเอง อย่ามาโลกสวยกันอยู่เลยครับ.
- มาอยู่กับความจริงกันดีกว่า.
-------------------------------
- ส่วนพุทธอิสระ นั้นเขาคงไม่ให้ญัตติใหม่เป็นธรรมยุติ เพราะคุณสมบัติไม่ถึงขั้น อีกทั้งยัง รูปชั่วตัวดำ.
- แถมจิตใจยิ่งดำสนิท อย่างนี้ ไม่ตรงสเป็ค เขาเก็บไว้หลอกใช้ เพื่อให้ทำงานแบบบ้าๆ บ้อ ๆดีกว่า.
- แค่ผลงาน กินนอนกับม๊อบนี่ก็เกินบรรยายแล้วครับ.
------------------------------------
- หันมาดูคุณสมบัติ อย่างท่านธัมมชโย จึงต้องตรงสเป๊กตามสูตรเพื่อให้แปลงนิกายครบถ้วน.
------------------------------
- ผมจะเผยให้ก็ได้ว่า ทำไมผมกว่า30 ปี ที่ผมทราบเรื่องแบบนี้มาแล้ว และผมจึงนับถือคุณธรรมในใจ ของท่านธัมมชโย ที่ผมสัมผัสได้ แบบตาเนื้อ ใจเนื้อ ของคนธรรมดาแบบผมนั้น คืออะไร ก็คือ ..
"ผมนับถือ เรื่องใจแข็งของท่าน ก็เรื่องไม่แปลงนิกายนี้ของท่าน นะแหละครับ"
- เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบว่า จะมีกี่คนที่รู้เรื่องนี้ แต่งวในพระทำงานเขาทราบกันทั้งนั้น.
- แม้แต่กลุ่มธรรมกายก็ตาม หากยังไม่รู้ก็พากันรู้ไว้ชะ.
- แล้วเหล่าศิษย์ทั้งหลายจะได้รู้ว่า
"อาจารย์ตนเองต้องต่อสู้มารหลายด้านอย่างไร".
- แล้วท่านจะศรัทธาหลวงพ่อท่านมากขึ้น อย่ามามัวโลกสวยกันนักเลย.
---------------------------------------------------------
- เรื่องแบบนี้ จริงหรือไม่ ก็ต้องไปถามเจ้าคุณแขก เจ้าคุณราช เจ้าคุณเทพกันเอาเอง ว่า ...
เป็นอย่างที่เจ้าคุณเบอร์ลินว่าไหม.
-------------------------------------------------
เรื่องเงินอุดหนุนสังฆราช
ระเบิดลูกใหญ่ที่วัดบวรหลบไม่พ้น.
- ตอนนี้ หลังโพสต์ครั้งที่แล้ว ของผมออกไป แล้ว.
- เรื่องเงินสมเด็จพระสังฆราช คงเดือดร้อนกันไปทั่ว ไม่ว่าพระ ไม่ว่าคน ทำให้ฝ่ายชั่วพากันพะวงหน้าพะวงหลังจับทางไม่ถูกว่า..
"เจ้าคุณเบอร์ลินมันจะออกทางไหนกันแน่".
- ล่าสุดถึงขนาดไปติดต่อเจ้าคุณในต่างประเทศองค์หนึ่ง เพื่อให้มาขอร้องเจ้าคุณเบอร์ลิน ให้ยุติเรื่องนี้.
- บอกตรงๆ พอรู้ว่าเป็นใครที่ฝากข้อความมาถึง.
- ผมเจ้าคุณเบอร์ลินออกจะเวทนาจริง ๆ เพียงแค่อยากจะให้ยุติเพราะเพียงเห็นแก่หน้า แก่วัดใหญ่หรอ.
- ประเมินกันต่ำไปมั้งครับ.
- แค่นึกถึงพระศาสนาเป็นหลัก จะเอาแค่นึกเวทนาแล้วใจอ่อนไปได้อย่างไร.
- จะดูถูกเจ้าคุณเบอร์ลินต่ำไปหน่อยมั้งครับงานนี้.
-----------------------------
- เหตุที่บอกว่า เดือดร้อนกันหนัก ขอให้สังเกต ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์
"หัวฝีแตก หนองไหล" .
- ร้อนถึงนายไพบูลย์ นิติตะวัน ต้องย่างสามขุมออกมาสาวหมัดมั่ว จนถูกเย้ยทั้งประเทศ.
- แบบเสียรูปมวย มาบอกว่าพระมีบัญชีธนาคาร "ผิดศีล" ร้องเรียนให้สำนักงานพระพุทธศาสนาตรวจสอบพระที่มีบัญชีธนาคาร.
- ผลงานคุณไพบูลย์ครั้งนี้ เรียกว่า หมดราคาปรมาจารย์กฏหมายระดับต้นๆ ของรัฐบาลไทย ซึ่งเคยเป็นมือวางที่นายกลุงตู่ไว้วางใจ เพื่อจะให้เป็นหัวหอกปฏิรูปพระพุทธศาสนา กำหนดชะตากรรมพระสงฆ์ทั้งประเทศ.
- ขอให้ดูพฤติกรรม ดูความคิดของคนที่จะมากำหนดชะตากรรมพระศาสนา.
- มันจะอะไรกันนักกันหนา คุณไพบูลย์ เอ้ย วันๆยังนอนหลับได้อยู่หรือ.
- ผมจะบอกให้ หากคุณไพบูลย์เห็นว่า พระไม่ควรมีบัญชีธนาคาร เกรงจะผิดศีล 227 ข้อ จะพากันลงนรกหมกไหม้เพราะรับเงิน รับทอง.
- ผมไม่อยากเปิดประเด็นใหม่ว่า.
" ถ้าอย่างนั้น หลวงตาบัวมิลงนรกไปก่อนใครแล้วหรือ ก็เห็นประกาศรับเงินทองกันป่าวๆ นี่".
- นั่นแหละคำตอบดีที่สุด ของ คนชอบของปลอม เชิญเลย.
---------------------------------------------
-เอาอย่างนี้ เจ้าคุณเบอร์ลิน ขอแนะนำ หากมีบัญชีธนาคารแล้วมันยุ่งมาก.
- ก็ขอนิมนต์หลวงพ่อ หลวงปู่เจ้าอาวาสวัดไหน ใครมีบัญชีธนาคารใด.
- นิมนต์ไปปิดบัญชีกันเสียให้หมดเลยครับ.
- ธนาคารกรุงไทยกับธนาคารไทยพาณิชย์ เจ้าอาวาสน่าจะใช้บริการมากสุด.
- ไปปิดก่อนเลยครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ เอาให้หลุดโลกไปเลยกับพวกบ้าไปเลย.
- แล้วเอาเงินมาใส่ตุ๋มฝังไว้ป่าช้าหลังวัด.
- วันไหนจะซื้ออิฐซื้อปูนซ่อมวัด จะจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่อยไปขุดขึ้นมา.
- จะเอากันอย่างนี้ใช่ไหม
-----------------------------
- ทำไมไม่นึกถึงความเป็นจริง ชีวิตจริง ข้อเท็จจริงกันบ้าง.
-อย่าเพี้ยนตามคนบ้าไม่กี่คนอยู่เลยครับ.
- ผู้มีอำนาจทั้งหลาย พอเสียที อย่าเอาแต่สนุก เมามัน สะอกสะใจ มัวเพ้อฝันหาสวรรค์วิมานอะไรอยู่เลย พระศาสนาเสียหายมากเกินแล้วครับ..
- รู้มัยครับ แค่คุณไพบูลย์เปิดประเด็นไม่ให้พระมีบัญชีเท่านั้น.
- ก็สะเทือนถึงธนาคารกรุงไทยกับธนาคารไทยพาณิชย์แล้ว.
- เกิดเป็นจริงขึ้นมา พระรวมตัวกันไปถอนเงินไปฝังใส่ตุ่มไว้จริง มันจะยุ่งเอานะ.
- ที่จริง ว่าไปแล้ว การที่คุณไพบูลย์ไปยื่นตรวจสอบบัญชีพระที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินี่.
- ก็ทำไม่ถูก น่าจะเป็นการยื่นผิดที่ผิดทางนะครับผมว่า.
- ที่ถูก ต้องไปยื่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ดีเอสไอ หรือไม่ก็เป็น สตง จึงจะตรงตามธงที่ตั้งกันไว้โน้น.
- มีผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า การที่คุณไพบูลย์ทำอย่างนั้น.
- เป็นการแก้เก้อเท่านั้นเอง.
- เพราะครั้งนี้วางแผนผิดพลาด ไม่นึกว่าจะเจอสวนกลับแบบหมัดตรง.
- เพราะว่าไปแล้ว ตอนนี้ เนื่องจากพุทธอิสระกำลังเพลี้ยงพล้ำให้แก่เจ้าคุณเบอร์ลินอย่างหนัก ในกรณีที่ไปยื่นขอให้ สตง ตรวจสอบเงินสมเด็จพระสังฆราช (ลับนะนี่).
- ซึ่งขณะนี้ ผมทราบว่า เกิดอาการหนาวถึงไขสันหลังไปหลายรายทั้งพระทั้งคน.
- เพราะถ้าหากเกิดมีใครหัวใส ย้อนศรไปยื่นหนังสือขอให้ สตง. ยืนตามพุทธอิสระตรวจสอบเงินดังกล่าว บ้าง อย่าหยุดตรวจ.
- งานนี้ ทั้งเจ้าคุณแขก เจ้าคุณราช เจ้าคุณเทพ คนใดคนหนึ่ง หรือทั้ง 3 บรรลัยก่อนกำหนดแน่.
- มีหวังถูกจับยัดคุกกันหมดแก๊งค์.
- เพราะตอนนี้ ข่าววงในแจ้งมาว่า ...
ขณะนี้ เจ้าคุณแขก เจ้าคุณราช เจ้าคุณเทพ กำลังสารวนกับการหาเอกสารค่าใช้จ่ายกันวุ่น.
-----------------------------------
- เจ้าคุณเบอร์ลินเตือนบอกแล้ว ว่า อย่าคบคนบ้า มันจะพาลงเหว ก็ไม่ยอมฟังกัน.
- คนจับหอก เอง ตอนนี้ ก็รู้ว่าพลาดอย่างหนักเข้าให้แล้ว.
- จึงวางเกมใหม่ ทำทีสลับเบี้ยตัวใหม่เดินเกมส์ เป็นการสลับหน้าเล่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ.
- เพราะเจ้าคุณเบอร์ลินและทีมงาน ตีถูกขนดหางอย่างจัง.
- ทั้งบาดเจ็บ ทั้งอับอาย ทั้งโกรธแค้น กรณีเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช.
- แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร.
- จึงต้องตีกรรเชียงหนี ด้วยการเปิดประเด็นตลกหลวง พระมีบัญชีธนาคาร "ผิดศีล" ออกทะเลไปโน้น.
-----------------------------------
- ขอถามสักคำ แล้วที่ไอ้ที่พระแขก พระราช พระเทพ รับเช็ค เกือบ 300 ล้าน แทนสมเด็จพระสังฆราช ตลอดนั้น.
- ไม่ยักกะผิดศีล ใช่ไหมคุณไพบูลย์.
- เพราะเช็คมันเป็นแค่เศษกระดาษ เพียงใส่ตัวเลขลงไปตามจำนวนที่ระบุ ไม่ใช่เงินมั้ง จึงไม่ผิดศีล หรอ กรรมเวรจริง ๆ สังคมลวง ๆ นี่.
- แหมถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นโพสต์สาธารณะ จะด่าให้หนักกว่านี้ "เวร".
คุณไพบูลย์ น่าจะตื่นได้แล้ว อย่ามโนไปตาม ดร. มโน นักเลย .
-----------------------------------
การดำเนินการตรวจสอบ
เงินุดหนุนสังฆราช ฯ/ผู้เกี่ยวข้อง/หน่วยงานรับผิดชอบหนาวๆร้อนๆ
- ที่จริง การตรวจสอบเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช ปีละ 23 ล้าน นับตั้งแต่ทรงอาพาธเมื่อปี 2544 จนถึงสิ้นพระชนม์ ปี 2556 รวม 13 ปี นั้น.
- คิดเป็นเงินเกือบ 300 ล้าน นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก ใดๆเลย ถ้าตั้งใจหรือหวังดีต่อพระศาสนาจริงๆ.
- เพียงแค่ขอให้ทำงานกัน 3 ภาคส่วน ก็จะได้ข้อเท็จจริงแล้ว คือ
ข้อที่ ๑.
ต้องมีผู้ไปยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน.
- ตรงนี้ วินิจฉัยว่า ..
"เงินจำนวนนี้ นอกจากสมเด็จพระสังฆราชแล้ว
ใครเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายได้บ้าง
เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มีอำนาจเบิกจ่ายได้หรือไม่"
- แค่นี้ก็จบ.
- หากผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่วินิจฉัย.
- เพราะอ้างว่า ไม่มีผู้มายื่นให้วินิจฉัย .
- ผมว่า ก็คงจะมีผู้ไปยื่นหนังสือขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัย เป็นแน่.
------------------------
- หากยื่นแล้วยังไม่วินิจฉัยอีก.
- ก็อาจมีคนไปยื่น มาตรา ๑๕๗ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปตรงนี้ก็เป็นแน่อีกเช่นกัน.
-------------------------------------------------------------
อนาคตอันใกล้นี้ อาจเห็นของดี.
- วิเคราะห์ตามนี้ ไม่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน จะวินิจฉัยออกมาอย่างไร.
- จะวินิจฉัยว่า "เลขาฯ เบิกจ่ายได้" หรือ วินิจฉัยว่า "เลขาฯ เบิกจ่ายไม่ได้" ก็คงเป็นปัญหา อย่างแน่นอน.
- เพราะ หากผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยออกมาว่า เลขานุการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ได้ นั้น.
- ก็น่าจะเป็นการวินิจฉัยที่สวนทางกับข้อเท็จจริง.
- เพราะข้อเท็จจริงนั้น เลขานุการ ไม่ว่าจะเป็นเลขานุการของตำแหน่งใด
ก็เป็นเพียงผู้สนองงานเท่านั้น.
- ไม่ใช่ผู้มีอำนาจในการสั่งการ.
- ดังนั้น การเบิกเงินงบประมาณ ก็จะเข้าข่ายใช้อำนาจสั่งการ ซึ่งเป็นการทำเกินอำนาจหน้าที่งานเลขานุการ
ใช่หรือไม่?....ไปวินิจฉัยกันเอง.
-หากผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยออกมาว่า .....
"เลขานุการไม่สามารถเบิกเงินส่วนนี้ได้"
- ก็จะเป็นการทำไปโดยพลการ เพราะหากเบิกจ่ายไม่ได้ วุ่นพิลึกไหมครับ.
- แล้วขอถามว่า เลขาพระสังฆราช มาใช้อำนาจอะไร ในการเบิกเงินเกือบ ๓๐๐ ล้านนี้ออกไปใช้.
ข้อที่ ๒.
- ต้องยื่นให้ ดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ให้ประชาชนสิ้นข้อสงสัย เกี่ยวกับเงินเกือบ ๓๐๐ ล้าน.
- เนื่องจากคดีนี้มีความสำคัญ เกี่ยวข้องกับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช เป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชนพุทธบริษัท.
- และคาดว่า หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทในการเบิกจ่ายเงินสมเด็จพระสังฆราช เป็นเจ้าคุณแขก ไม่น่าจะถือสัญชาติไทย ก็ยังสงสัยในสัญชาติ.
- ก็ต้องดูว่า มีส่วนรู้เห็นในการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้หรือไม่.
- หากพบว่า รู้เห็นเป็นใจ มีส่วนด้วย.
- อาจถึงขั้นบอกชาวพุทธไทย คงต้องช่วยกัน เนรเทศออกนอกประเทศ ไปเลยโดยไม่ต้องรอกฎหมายเพราะหลักฐานอะไรให้เสียเวลา.
- โทษฐานไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อนของคณะสงฆ์ไทย.
ข้อที่ ๓.
- ต้องมีผู้ไปยื่นให้ สตง .เข้าไปตรวจสอบว่า การใช้จ่ายเงินสมเด็จพระสังฆราชของฝ่ายเลขานุการ(ห้องกระจก) เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และระเบียบกระทรวงการคลังหรือไม่.
- เนื่องจากขณะนั้น สมเด็จพระสังฆราชทรงอาพาธยาวนาน.
- จึงเป็นไปไม่ได้ว่า จะทรงได้ใช้งบประมาณในส่วนนี้.
- เพราะในขณะนั้น มีคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จึงไม่ทรงได้ปฏิบัติศาสนกิจมาร่วม ๑๓ ปี.
- หากไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินดังกล่าว ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง สตง ต้องทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อเรียกเงินดังกล่าวคืนคลัง.
- หรือ หากมีการใช้
- ผู้ใช้ก็ต้องแสดงต้นขั้วจำนวนเงินที่รับมา และชี้แจงที่มาที่ไปรายรับรายจ่ายพร้อมทั้งหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้.
- เพื่อความโปรงใส และเป็นการป้องกันผู้ที่จิตใจหยาบช้า เลวทราม จะนำไปเป็นเหตุให้ร้ายผู้อื่น.
- หากผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบหาข้อยุติตามขั้นตอนที่เจ้าคุณเบอร์ลินแนะนำไว้นี้.
- ก็จะทำให้ประชาชนสิ้นความสงสัยเกี่ยวกับเงินพระสังฆราชลงได้.
- ที่สำคัญ และสมเจตนารมณ์ของพุทธอิสระที่ต้องการเห็นคนเข้าคุก ก็จะสำเร็จประโยชน์ทุกประการ แต่อาจเปลี่ยนเป้าหมายคนเข้าคุกจากเดิมไปเท่านั้น.
----------------------------------------
ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่า
ใครจะกล้าเดินเอากระดิ่งไปผูกคอเสือ
"พุทธอิสระกล้าๆหน่อยนะงานนี้
อย่าเอาแต่โม้รายวัน
มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระไปวันๆ
ชาวบ้านเขาเบื่อเองนะ
รู้เปล่า".
โชคดีมีชัยทุกท่าน
เนื่องในวันสงกรานต์ยุครัฐบาลบิ๊กตู่กันนะครับ.

เจ้าคุณเบอร์ลิน
09.04.2016
แนบภาพบริเวณหน้าหัองกระจก วัดบวร กทม.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น