วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2559

ห้องกระจก วัดบวร - พระลิขิต- เงินอุดหนุน สังฆราช 300 ล้านบาท- ภูเขาไฟที่รอการปะทุ

ห้องกระจก วัดบวร - พระลิขิต- เงินอุดหนุน

สังฆราช 300 ล้านบาท- ภูเขาไฟที่รอการปะทุ



------------------------------------------
- หลังจากที่ได้ดีเบตเรื่องเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช กับพุทธอิสระทางโพสต์ไปวันก่อน.
- ผมคิดว่าก็น่าจะสร้างความกระจ่างไปได้มากแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้.
- หากพูดเรื่องนี้ ไม่พูดถึงห้องกระจกแห่งวัดบวร เรื่องก็หมดความสำคัญไป.
- วันนี้ผมจะพาไปรู้จัก ดินแดนที่เรียกเสียหรูว่า "ห้องกระจก"นั่น ที่แท้จริงมันคืออะไรกันแน่ ในไสตล์ เจ้าคุณเบอร์ลินนะครับ (รูปภาพที่แนบมานั้นผมเองไปมาล่าสุดนี้เองครับ).
---------------------------------
- ผมคิดว่า อาจทำให้สังคมตอนนี้ คงจะได้เห็นว่า ไอ้ดินแดนที่ดูเหมือนสงบดูเหมือนบริสุทธิ์ผุดผ่องชวนน่าศรัทธาเลื่อมใสนั้น ในอีกด้านหนึ่งว่าไง.
- ซึ่งแท้ที่จริงแล้วอาณาบริเวณนี้ มันแฝงด้วยสภาพทที่สกปรกโสโครก ตรงข้ามกับภาพที่โชว์แหกตาสังคม มาอย่างนานเท่านานเช่นไร.
------------------------------------
- มีผู้ใหญ่หลายท่าน ทั้งพระทั้งโยม มาบอกเจ้าคุณเบอร์ลินหลังโพสต์เรื่องเงินอุดหนุนังฆราชนั้นมาว่า.. "ตรงจุดแล้ว ".
- ท่านยังบอกต่อว่า...
"ขอให้จี้ต่อไป แต่อย่าให้คนไม่เกี่ยวข้อง หรือ วงการสงฆ์โดยรวม กระทบมากนัก"
- ขอให้เจ้าคุณมั่นใจได้เลยว่า .....
"เพื่อเป็นการป้องกันผู้ที่จิตใจหยาบช้า เลวทราม ไม่ให้ นำไปเป็นเหตุทำร้ายผู้อื่น อีกต่อไป".
- ท่านว่าต่อว่า.....
"เนื่องจากช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการพระพุทธศาสนา ได้สร้างความยุ่งยากให้คณะสงฆ์
ก็ล้วนมีที่มาจากห้องกระจก ทั้งสิ้น".
- แล้วก็ให้ข้อมูลตรงกับทีมงานของผมว่า....
"ที่สำคัญต้นเหตุแห่งการเรื่องร้องเรียนเงินเกือบ 300 ล้าน ของสมเด็จพระสังฆราช ในวันนี้ นั่นเอง".
-----------------------------------------------
- ห้องกระจกฝั่งรากในวัดบวรนานแค่ไหน สร้างความยุ่งยากให้วัดบวรมากน้อยเพียงไร
คนวัดบวรนั่นแหละรู้ดีที่สุด.
----------------------------------------
- พระและคนที่เขามีใจเป็นธรรม รักความถูกต้อง รักวัดบวร และมีเคารพนับถือในองค์สมเด็จญาณ ฯ เขาอึดอัดกันทั้งนั้น.
- จึงอยู่ในสถาพน้ำท่วมปาก พูดออกไปไม่ได้ มีแต่เสียกับเสีย ทั้งอาจเกิดอันตรายต่างๆกับตนอย่างไม่คาดคิดอีกด้วย.
-----------------------------
- ยิ่งเมื่อสมเด็จพระสังฆราชทรงอาพาธ ด้วยแล้ว.
- ห้องกระจกก็ยิ่งปรากฏฉายรัศมีแห่งอำนาจมืด แผ่ครอบคลุมทั่วสังฆมณฑล หนักเข้าอีก.
- โดยเฉพาะ เกิดมีฤาษีคอยแปลงสาส์น สารพัด คือ
"ให้พระอักษรเป็นพระลิขิต
ให้พระลิขิตเป็นพระบัญชา
แล้วนำพระลิขิตไปแสวงหาผลประโยชน์นานาประการ
ทั้งเงินทอง ตำแหน่ง ลาภยศ".
---------------------------------------
- จนชื่อเสียงห้องกระจกเน่าฟอนเฟะ ส่งกลิ่นชั่วกลิ่นเหม็นไปทั่วบ้านทั่วเมือง
ก็แปลกนะครับ กลิ่นเหม็นเหล่านี้ พอเดินเข้าวัดบวรกลับกลายเป็นกลิ่นหอมไปได้ไงก็ไม่ทราบ.
- ทุกคนเงียบหมด ไม่พระหรือคน.
- เรื่องเหล่านี้ ใครๆ เขารู้กันทั้งนั้น.
- ด้วยทรงฤทธิ์ทรงเดช จึงปลุกเสกได้สารพัด.
- ดังนั้น จึงมีพระหลายรูปได้เป็นเจ้าคุณ จนถึงรองสมเด็จ โดยง่าย.
- โดยแทบไม่ต้องถามหาคุณสมบัติหรือกฎระเบียบใดๆทั้งสิ้น.
- ก็อิทธิฤทธิ์เพราะห้องกระจก นี้แหละบันดาลได้สารพัดนึก.
------------------------------
- ยังไม่เพียงแค่นั้น ฤทธิ์เดชชั่วนี้ ก็ยังขยายไปสู่อาณาจักรของคนไม่ใช่พระอีกนั่นก็คือ.....
- มีคนหลายคนได้เป็นนายพลนายพัน ก็เพราะห้องกระจกนี้ด้วย.
- ที่แทบไม่น่าเชื่อเลยก็คือ ....
"ดันมีอีกหลายคนเช่นกัน ที่ได้เป็นคุณหญิง คุณนาย เพราะห้องกระจกนี้เช่นกัน"
-----------------------------------
- ตำนานห้องกระจกนี้ BBC หรือCNN คงได้รู้สักวันนะครับ ในอนาคต
ถึงเวลานั้นเมืองไทยอาจดังก้องโลกด้วยเรื่องเน่าๆก็ได้ คงสนุกกันบ้างงานนี้.
----------------------------------------
- ไอ้ที่เคยกระหยิ่มใจมาตลอดว่า.......
"ใครมันจะมากล้ากับกู".
งานนี่คิดผิดคิดใหม่ได้นะครับ.
จึงขอสั้น ๆ เป็นของฝากจากเจ้าคุณเบอร์ลิน ว่า...
"ผมเอาแน่ ถ้ายังไม่หยุดชั่ว".
----------------------------------------------------------
พระลิขิตเป็นเสมือนใบเบิกทาง จู่โจมเข้าหาเป้าหมายที่ล็อกไว้
- ว่ากันว่า เงินทองที่สะพัดหมุนเวียนผ่านห้องกระจก นั้น.
- มีมูลค่ามหาศาล ตลอดจนการออกเหรียญรุ่นต่างๆ ให้เช่าบูชา โดยที่เงินไม่มีตกถึงวัดเลย.
- ทุกวันนี้ ถ้าใครต้องการพิสูจน์เรื่อง นี้ ก็ไม่ยาก.
- แค่เดินทะลุไปด้านหลังวัดบวร ไปถึงติดคลอง ก็จะพบสารพัดห้อง/ซุ้มให้เช่าวัตถุมงคลเต็มไปหมด.
-----------------------------------------------
- หากพระเณรรูปใด ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของห้องกระจก.
- แม้จะปฏิบัติดีแค่ไหน เก่งแค่ไหน มีความดี มีความรู้สามารถเพียงไร.
- ก็จะกระเด็นกระดอน ไม่สามารถอยู่ในวัดบวรได้ จะถูกห้องกระจกบีบให้ออกจากวัด.
- โดยเรื่องนี้ มีอดีตสามเณรอุปัฏฐากเฝ้าหน้าเตียงสมเด็จพระสังฆราช เป็นตัวอย่างไปแล้ว.
- ท่านยังต้องระเหเร่ร่อนออกจากวัดไป เพียงเพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการของห้องกระจก.
------------------------------------
- ข้อนี้ไม่รู้มีใครบอกให้พุทธอิสระรู้บ้างหรือไม่.
- เหตุเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวง ที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ จนเกิดความยุ่งยากวุ่นวาย แบบหาข้อยุติไม่ได้ทั้งหมด จนเหมือนจะยิ่งกว่าสมัยฮ่องแต้จีนเสียอีกนั้น.
- ก็ล้วนมาจากห้องกระจก ทั้งสิ้น.
---------------------------------------------
- ดังนั้น พอโพสต์เจ้าคุณเบอร์ลิน ที่สมมติ ดีเบต กับ พุทธอิสระ ในครั้งที่แล้วนั้น.
- ก็ยิ่งทะลุทะลวงจนถึงห้องกระจก เหมือนทะลวงแหล่งผลประโยชน์มหาศาล ชนิดไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน.
- จากนั้นคล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมง ก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับวัดบวร.
- ได้ ติดต่อมาหา และขอร้องเจ้าคุณเบอร์ลินถึงเยอรมันว่า..
"ให้หลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องเงินสมเด็จพระสังฆราช เพราะเกรงจะกระทบพระเกียรติ".
- ผู้ใหญ่ท่านนี้เป็นที่คุ้นเคยกันมานานมาก ซึ่งก็คงไม่ต้องปกปิดอะไร .
- ผมเองก็ติดนิสัยที่ว่า..
"หากพูดเรื่องงาน ผมจะไม่เกรงใจใคร เพราะหลวงพ่อสมเด็จเกี่ยวท่านสอนไว้อย่างนี้ ท่านว่า "ไม่เช่นนั้น งานจะเสีย".
-------------------------------------------------------
- ผมเจ้าคุณเบอร์ลิน จึงถามท่านกลับไปตรง ๆ ว่า..
"ก็ตอนที่พุทธอิสระไปยื่นหนังสือให้ สตง ตรวจสอบเงินสมเด็จพระสังฆราช แล้วทำไม ไม่มีใครพากันเกรงว่า จะทำให้กระทบพระเกียรติพระองค์ท่านล่ะ"
" หรือเห็นว่า ตอนนั้นได้เปรียบ รอส้มหล่น เลยทำเป็นนิ่งๆ แต่พอเรื่องจะย้อนเข้าหาตัว ก็ใช้มุก "เกรงจะกระทบพระเกียรติ" .
- ท่านรู้นิสัยผมดี ท่านก็เงียบ.
- ผมมีจังหวะ จึงฝากบอกลอยๆไปว่า ..
"งานนึ้ ผมเอาจริง นะ
บอกมันด้วยว่า
มาไงก็ไปงั้น
คดีมาก็คดีไป
และหากจะให้ผมหยุด
ก็ไม่ยาก
แต่มันต้องหยุดชั่วก่อน".
---------------------------------
- ผมอยากขอให้สังคมได้โปรดรู้ว่า ..
คนพวกนั้น สร้างความเสื่อมเสียพระเกียรติสมเด็จพระสังฆราชมามากพอแล้ว.
- ถึงขนาดใช้ห้องกระจกเป็นแหล่งต่อลอง เสนอลาภยศต่อพระมหานิกายมาแล้ว.
- ซึ่งหลายต่อหลายรูปที่ดูมีสง่าราศี ที่จะส่งเสริมฝ่ายธรรมยุตได้.
- ฝ่ายห้องกระจก ก็จะดำเนินการติดต่อ ขอต่อลองโดย ขอให้ญัตติใหม่แปลงเป็นธรรมยุติทันที.
- ดูพฤติกรรมซีครับ ไม่เรียกว่า"โคตรชั่ว จะให้เรียกว่าอะไรดี".
- ใครเงียบก็เงียบไป แต่ผมเจ้าคุณเบอร์ลินขอประกาศไว้เลย
"ผมไม่เงียบแน่นอน มันเริ่มเรื่องก่อนผมด้วย".
--------------------------------------------------
- กรณีนี้ ผมอยากจะให้สังคม และศิษย์ธรรมกายทั่วโลกได้รู้ไว้อย่างว่า ..
"หากพระรูปที่ว่านั้น หากไม่ยอมเปลี่ยนก็จะมีชะตากรรมเยี่ยงท่านธมฺมชโยหรือไม่".
- ผมชี้ได้แค่นี้ และชี้ให้แล้ว ก็ไปคิดต่อยอดเอาเอง อย่ามาโลกสวยกันอยู่เลยครับ.
- มาอยู่กับความจริงกันดีกว่า.
-------------------------------
- ส่วนพุทธอิสระ นั้นเขาคงไม่ให้ญัตติใหม่เป็นธรรมยุติ เพราะคุณสมบัติไม่ถึงขั้น อีกทั้งยัง รูปชั่วตัวดำ.
- แถมจิตใจยิ่งดำสนิท อย่างนี้ ไม่ตรงสเป็ค เขาเก็บไว้หลอกใช้ เพื่อให้ทำงานแบบบ้าๆ บ้อ ๆดีกว่า.
- แค่ผลงาน กินนอนกับม๊อบนี่ก็เกินบรรยายแล้วครับ.
------------------------------------
- หันมาดูคุณสมบัติ อย่างท่านธัมมชโย จึงต้องตรงสเป๊กตามสูตรเพื่อให้แปลงนิกายครบถ้วน.
------------------------------
- ผมจะเผยให้ก็ได้ว่า ทำไมผมกว่า30 ปี ที่ผมทราบเรื่องแบบนี้มาแล้ว และผมจึงนับถือคุณธรรมในใจ ของท่านธัมมชโย ที่ผมสัมผัสได้ แบบตาเนื้อ ใจเนื้อ ของคนธรรมดาแบบผมนั้น คืออะไร ก็คือ ..
"ผมนับถือ เรื่องใจแข็งของท่าน ก็เรื่องไม่แปลงนิกายนี้ของท่าน นะแหละครับ"
- เรื่องนี้ผมก็ไม่ทราบว่า จะมีกี่คนที่รู้เรื่องนี้ แต่งวในพระทำงานเขาทราบกันทั้งนั้น.
- แม้แต่กลุ่มธรรมกายก็ตาม หากยังไม่รู้ก็พากันรู้ไว้ชะ.
- แล้วเหล่าศิษย์ทั้งหลายจะได้รู้ว่า
"อาจารย์ตนเองต้องต่อสู้มารหลายด้านอย่างไร".
- แล้วท่านจะศรัทธาหลวงพ่อท่านมากขึ้น อย่ามามัวโลกสวยกันนักเลย.
---------------------------------------------------------
- เรื่องแบบนี้ จริงหรือไม่ ก็ต้องไปถามเจ้าคุณแขก เจ้าคุณราช เจ้าคุณเทพกันเอาเอง ว่า ...
เป็นอย่างที่เจ้าคุณเบอร์ลินว่าไหม.
-------------------------------------------------
เรื่องเงินอุดหนุนสังฆราช
ระเบิดลูกใหญ่ที่วัดบวรหลบไม่พ้น.
- ตอนนี้ หลังโพสต์ครั้งที่แล้ว ของผมออกไป แล้ว.
- เรื่องเงินสมเด็จพระสังฆราช คงเดือดร้อนกันไปทั่ว ไม่ว่าพระ ไม่ว่าคน ทำให้ฝ่ายชั่วพากันพะวงหน้าพะวงหลังจับทางไม่ถูกว่า..
"เจ้าคุณเบอร์ลินมันจะออกทางไหนกันแน่".
- ล่าสุดถึงขนาดไปติดต่อเจ้าคุณในต่างประเทศองค์หนึ่ง เพื่อให้มาขอร้องเจ้าคุณเบอร์ลิน ให้ยุติเรื่องนี้.
- บอกตรงๆ พอรู้ว่าเป็นใครที่ฝากข้อความมาถึง.
- ผมเจ้าคุณเบอร์ลินออกจะเวทนาจริง ๆ เพียงแค่อยากจะให้ยุติเพราะเพียงเห็นแก่หน้า แก่วัดใหญ่หรอ.
- ประเมินกันต่ำไปมั้งครับ.
- แค่นึกถึงพระศาสนาเป็นหลัก จะเอาแค่นึกเวทนาแล้วใจอ่อนไปได้อย่างไร.
- จะดูถูกเจ้าคุณเบอร์ลินต่ำไปหน่อยมั้งครับงานนี้.
-----------------------------
- เหตุที่บอกว่า เดือดร้อนกันหนัก ขอให้สังเกต ขณะนี้เกิดปรากฏการณ์
"หัวฝีแตก หนองไหล" .
- ร้อนถึงนายไพบูลย์ นิติตะวัน ต้องย่างสามขุมออกมาสาวหมัดมั่ว จนถูกเย้ยทั้งประเทศ.
- แบบเสียรูปมวย มาบอกว่าพระมีบัญชีธนาคาร "ผิดศีล" ร้องเรียนให้สำนักงานพระพุทธศาสนาตรวจสอบพระที่มีบัญชีธนาคาร.
- ผลงานคุณไพบูลย์ครั้งนี้ เรียกว่า หมดราคาปรมาจารย์กฏหมายระดับต้นๆ ของรัฐบาลไทย ซึ่งเคยเป็นมือวางที่นายกลุงตู่ไว้วางใจ เพื่อจะให้เป็นหัวหอกปฏิรูปพระพุทธศาสนา กำหนดชะตากรรมพระสงฆ์ทั้งประเทศ.
- ขอให้ดูพฤติกรรม ดูความคิดของคนที่จะมากำหนดชะตากรรมพระศาสนา.
- มันจะอะไรกันนักกันหนา คุณไพบูลย์ เอ้ย วันๆยังนอนหลับได้อยู่หรือ.
- ผมจะบอกให้ หากคุณไพบูลย์เห็นว่า พระไม่ควรมีบัญชีธนาคาร เกรงจะผิดศีล 227 ข้อ จะพากันลงนรกหมกไหม้เพราะรับเงิน รับทอง.
- ผมไม่อยากเปิดประเด็นใหม่ว่า.
" ถ้าอย่างนั้น หลวงตาบัวมิลงนรกไปก่อนใครแล้วหรือ ก็เห็นประกาศรับเงินทองกันป่าวๆ นี่".
- นั่นแหละคำตอบดีที่สุด ของ คนชอบของปลอม เชิญเลย.
---------------------------------------------
-เอาอย่างนี้ เจ้าคุณเบอร์ลิน ขอแนะนำ หากมีบัญชีธนาคารแล้วมันยุ่งมาก.
- ก็ขอนิมนต์หลวงพ่อ หลวงปู่เจ้าอาวาสวัดไหน ใครมีบัญชีธนาคารใด.
- นิมนต์ไปปิดบัญชีกันเสียให้หมดเลยครับ.
- ธนาคารกรุงไทยกับธนาคารไทยพาณิชย์ เจ้าอาวาสน่าจะใช้บริการมากสุด.
- ไปปิดก่อนเลยครับ ไหนๆ ก็ไหนๆ เอาให้หลุดโลกไปเลยกับพวกบ้าไปเลย.
- แล้วเอาเงินมาใส่ตุ๋มฝังไว้ป่าช้าหลังวัด.
- วันไหนจะซื้ออิฐซื้อปูนซ่อมวัด จะจ่ายค่าน้ำค่าไฟ ค่อยไปขุดขึ้นมา.
- จะเอากันอย่างนี้ใช่ไหม
-----------------------------
- ทำไมไม่นึกถึงความเป็นจริง ชีวิตจริง ข้อเท็จจริงกันบ้าง.
-อย่าเพี้ยนตามคนบ้าไม่กี่คนอยู่เลยครับ.
- ผู้มีอำนาจทั้งหลาย พอเสียที อย่าเอาแต่สนุก เมามัน สะอกสะใจ มัวเพ้อฝันหาสวรรค์วิมานอะไรอยู่เลย พระศาสนาเสียหายมากเกินแล้วครับ..
- รู้มัยครับ แค่คุณไพบูลย์เปิดประเด็นไม่ให้พระมีบัญชีเท่านั้น.
- ก็สะเทือนถึงธนาคารกรุงไทยกับธนาคารไทยพาณิชย์แล้ว.
- เกิดเป็นจริงขึ้นมา พระรวมตัวกันไปถอนเงินไปฝังใส่ตุ่มไว้จริง มันจะยุ่งเอานะ.
- ที่จริง ว่าไปแล้ว การที่คุณไพบูลย์ไปยื่นตรวจสอบบัญชีพระที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาตินี่.
- ก็ทำไม่ถูก น่าจะเป็นการยื่นผิดที่ผิดทางนะครับผมว่า.
- ที่ถูก ต้องไปยื่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ดีเอสไอ หรือไม่ก็เป็น สตง จึงจะตรงตามธงที่ตั้งกันไว้โน้น.
- มีผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์ว่า การที่คุณไพบูลย์ทำอย่างนั้น.
- เป็นการแก้เก้อเท่านั้นเอง.
- เพราะครั้งนี้วางแผนผิดพลาด ไม่นึกว่าจะเจอสวนกลับแบบหมัดตรง.
- เพราะว่าไปแล้ว ตอนนี้ เนื่องจากพุทธอิสระกำลังเพลี้ยงพล้ำให้แก่เจ้าคุณเบอร์ลินอย่างหนัก ในกรณีที่ไปยื่นขอให้ สตง ตรวจสอบเงินสมเด็จพระสังฆราช (ลับนะนี่).
- ซึ่งขณะนี้ ผมทราบว่า เกิดอาการหนาวถึงไขสันหลังไปหลายรายทั้งพระทั้งคน.
- เพราะถ้าหากเกิดมีใครหัวใส ย้อนศรไปยื่นหนังสือขอให้ สตง. ยืนตามพุทธอิสระตรวจสอบเงินดังกล่าว บ้าง อย่าหยุดตรวจ.
- งานนี้ ทั้งเจ้าคุณแขก เจ้าคุณราช เจ้าคุณเทพ คนใดคนหนึ่ง หรือทั้ง 3 บรรลัยก่อนกำหนดแน่.
- มีหวังถูกจับยัดคุกกันหมดแก๊งค์.
- เพราะตอนนี้ ข่าววงในแจ้งมาว่า ...
ขณะนี้ เจ้าคุณแขก เจ้าคุณราช เจ้าคุณเทพ กำลังสารวนกับการหาเอกสารค่าใช้จ่ายกันวุ่น.
-----------------------------------
- เจ้าคุณเบอร์ลินเตือนบอกแล้ว ว่า อย่าคบคนบ้า มันจะพาลงเหว ก็ไม่ยอมฟังกัน.
- คนจับหอก เอง ตอนนี้ ก็รู้ว่าพลาดอย่างหนักเข้าให้แล้ว.
- จึงวางเกมใหม่ ทำทีสลับเบี้ยตัวใหม่เดินเกมส์ เป็นการสลับหน้าเล่น เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ.
- เพราะเจ้าคุณเบอร์ลินและทีมงาน ตีถูกขนดหางอย่างจัง.
- ทั้งบาดเจ็บ ทั้งอับอาย ทั้งโกรธแค้น กรณีเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช.
- แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร.
- จึงต้องตีกรรเชียงหนี ด้วยการเปิดประเด็นตลกหลวง พระมีบัญชีธนาคาร "ผิดศีล" ออกทะเลไปโน้น.
-----------------------------------
- ขอถามสักคำ แล้วที่ไอ้ที่พระแขก พระราช พระเทพ รับเช็ค เกือบ 300 ล้าน แทนสมเด็จพระสังฆราช ตลอดนั้น.
- ไม่ยักกะผิดศีล ใช่ไหมคุณไพบูลย์.
- เพราะเช็คมันเป็นแค่เศษกระดาษ เพียงใส่ตัวเลขลงไปตามจำนวนที่ระบุ ไม่ใช่เงินมั้ง จึงไม่ผิดศีล หรอ กรรมเวรจริง ๆ สังคมลวง ๆ นี่.
- แหมถ้าไม่เกรงใจว่าเป็นโพสต์สาธารณะ จะด่าให้หนักกว่านี้ "เวร".
คุณไพบูลย์ น่าจะตื่นได้แล้ว อย่ามโนไปตาม ดร. มโน นักเลย .
-----------------------------------
การดำเนินการตรวจสอบ
เงินุดหนุนสังฆราช ฯ/ผู้เกี่ยวข้อง/หน่วยงานรับผิดชอบหนาวๆร้อนๆ
- ที่จริง การตรวจสอบเงินอุดหนุนสมเด็จพระสังฆราช ปีละ 23 ล้าน นับตั้งแต่ทรงอาพาธเมื่อปี 2544 จนถึงสิ้นพระชนม์ ปี 2556 รวม 13 ปี นั้น.
- คิดเป็นเงินเกือบ 300 ล้าน นั้น ไม่ใช่เรื่องยาก ใดๆเลย ถ้าตั้งใจหรือหวังดีต่อพระศาสนาจริงๆ.
- เพียงแค่ขอให้ทำงานกัน 3 ภาคส่วน ก็จะได้ข้อเท็จจริงแล้ว คือ
ข้อที่ ๑.
ต้องมีผู้ไปยื่นให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน.
- ตรงนี้ วินิจฉัยว่า ..
"เงินจำนวนนี้ นอกจากสมเด็จพระสังฆราชแล้ว
ใครเป็นผู้มีอำนาจในการเบิกจ่ายได้บ้าง
เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช มีอำนาจเบิกจ่ายได้หรือไม่"
- แค่นี้ก็จบ.
- หากผู้ตรวจการแผ่นดิน ไม่วินิจฉัย.
- เพราะอ้างว่า ไม่มีผู้มายื่นให้วินิจฉัย .
- ผมว่า ก็คงจะมีผู้ไปยื่นหนังสือขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัย เป็นแน่.
------------------------
- หากยื่นแล้วยังไม่วินิจฉัยอีก.
- ก็อาจมีคนไปยื่น มาตรา ๑๕๗ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ต่อไปตรงนี้ก็เป็นแน่อีกเช่นกัน.
-------------------------------------------------------------
อนาคตอันใกล้นี้ อาจเห็นของดี.
- วิเคราะห์ตามนี้ ไม่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน จะวินิจฉัยออกมาอย่างไร.
- จะวินิจฉัยว่า "เลขาฯ เบิกจ่ายได้" หรือ วินิจฉัยว่า "เลขาฯ เบิกจ่ายไม่ได้" ก็คงเป็นปัญหา อย่างแน่นอน.
- เพราะ หากผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยออกมาว่า เลขานุการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้ได้ นั้น.
- ก็น่าจะเป็นการวินิจฉัยที่สวนทางกับข้อเท็จจริง.
- เพราะข้อเท็จจริงนั้น เลขานุการ ไม่ว่าจะเป็นเลขานุการของตำแหน่งใด
ก็เป็นเพียงผู้สนองงานเท่านั้น.
- ไม่ใช่ผู้มีอำนาจในการสั่งการ.
- ดังนั้น การเบิกเงินงบประมาณ ก็จะเข้าข่ายใช้อำนาจสั่งการ ซึ่งเป็นการทำเกินอำนาจหน้าที่งานเลขานุการ
ใช่หรือไม่?....ไปวินิจฉัยกันเอง.
-หากผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยออกมาว่า .....
"เลขานุการไม่สามารถเบิกเงินส่วนนี้ได้"
- ก็จะเป็นการทำไปโดยพลการ เพราะหากเบิกจ่ายไม่ได้ วุ่นพิลึกไหมครับ.
- แล้วขอถามว่า เลขาพระสังฆราช มาใช้อำนาจอะไร ในการเบิกเงินเกือบ ๓๐๐ ล้านนี้ออกไปใช้.
ข้อที่ ๒.
- ต้องยื่นให้ ดีเอสไอ เข้าไปตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ให้ประชาชนสิ้นข้อสงสัย เกี่ยวกับเงินเกือบ ๓๐๐ ล้าน.
- เนื่องจากคดีนี้มีความสำคัญ เกี่ยวข้องกับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราช เป็นเรื่องอยู่ในความสนใจของประชาชนพุทธบริษัท.
- และคาดว่า หนึ่งในผู้ที่มีบทบาทในการเบิกจ่ายเงินสมเด็จพระสังฆราช เป็นเจ้าคุณแขก ไม่น่าจะถือสัญชาติไทย ก็ยังสงสัยในสัญชาติ.
- ก็ต้องดูว่า มีส่วนรู้เห็นในการเบิกจ่ายเงินส่วนนี้หรือไม่.
- หากพบว่า รู้เห็นเป็นใจ มีส่วนด้วย.
- อาจถึงขั้นบอกชาวพุทธไทย คงต้องช่วยกัน เนรเทศออกนอกประเทศ ไปเลยโดยไม่ต้องรอกฎหมายเพราะหลักฐานอะไรให้เสียเวลา.
- โทษฐานไม่รู้คุณข้าวแดงแกงร้อนของคณะสงฆ์ไทย.
ข้อที่ ๓.
- ต้องมีผู้ไปยื่นให้ สตง .เข้าไปตรวจสอบว่า การใช้จ่ายเงินสมเด็จพระสังฆราชของฝ่ายเลขานุการ(ห้องกระจก) เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และระเบียบกระทรวงการคลังหรือไม่.
- เนื่องจากขณะนั้น สมเด็จพระสังฆราชทรงอาพาธยาวนาน.
- จึงเป็นไปไม่ได้ว่า จะทรงได้ใช้งบประมาณในส่วนนี้.
- เพราะในขณะนั้น มีคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จึงไม่ทรงได้ปฏิบัติศาสนกิจมาร่วม ๑๓ ปี.
- หากไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินดังกล่าว ตามระเบียบของกระทรวงการคลัง สตง ต้องทำหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อเรียกเงินดังกล่าวคืนคลัง.
- หรือ หากมีการใช้
- ผู้ใช้ก็ต้องแสดงต้นขั้วจำนวนเงินที่รับมา และชี้แจงที่มาที่ไปรายรับรายจ่ายพร้อมทั้งหลักฐานที่น่าเชื่อถือได้.
- เพื่อความโปรงใส และเป็นการป้องกันผู้ที่จิตใจหยาบช้า เลวทราม จะนำไปเป็นเหตุให้ร้ายผู้อื่น.
- หากผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบหาข้อยุติตามขั้นตอนที่เจ้าคุณเบอร์ลินแนะนำไว้นี้.
- ก็จะทำให้ประชาชนสิ้นความสงสัยเกี่ยวกับเงินพระสังฆราชลงได้.
- ที่สำคัญ และสมเจตนารมณ์ของพุทธอิสระที่ต้องการเห็นคนเข้าคุก ก็จะสำเร็จประโยชน์ทุกประการ แต่อาจเปลี่ยนเป้าหมายคนเข้าคุกจากเดิมไปเท่านั้น.
----------------------------------------
ตอนนี้ก็อยู่ที่ว่า
ใครจะกล้าเดินเอากระดิ่งไปผูกคอเสือ
"พุทธอิสระกล้าๆหน่อยนะงานนี้
อย่าเอาแต่โม้รายวัน
มัวแต่ทำเรื่องไร้สาระไปวันๆ
ชาวบ้านเขาเบื่อเองนะ
รู้เปล่า".
โชคดีมีชัยทุกท่าน
เนื่องในวันสงกรานต์ยุครัฐบาลบิ๊กตู่กันนะครับ.

เจ้าคุณเบอร์ลิน
09.04.2016
แนบภาพบริเวณหน้าหัองกระจก วัดบวร กทม.

ว่าจะไม่พูดถึงแล้วน้า...เรื่องฮาโลก.

ว่าจะไม่พูดถึงแล้วน้า...เรื่องฮาโลก.

----------------------------

- ในโพสต์นี้ ผมจะขอมาพูดถึงเรื่อง ที่ว่า "ว่าจะไม่พูดแล้วน้า" เพื่อเป็นการคั่นเวลาเรื่องสาระสำคัญไปก่อนนะครับ.
- โพสต์สาระครั้งหน้า ตอนนี้ผม และทีมงานกำลังช่วยกันร่าง และเรียบเรียงข้อมูลกันอยู่ครับ.
- ซึ่งไม่น่าจะเกิน ๔ - ๕ ชม. จาก นี้ ก็คงจะร่างเสร็จ แล้วก็จะส่งมาให้ผมทราบแนว ตรวจ แก้ไขเพิ่มเติม ก่อนที่จะปล่อยโพสต์ออกไป เช่นทุก ๆ ครั้ง.
- ซึ่งก็เป็นปกติที่ทุก ๆ ครั้งที่โพสต์เรื่องสำคัญ ๆ ออกไปสู่สาธารณะ.
- ทีมงานเจ้าคุณเบอร์ลิน นอกจากจะเตรียมข้อมูลกันอย่างดีแล้ว.
- ก็จะต้องร่วมกันวิเคาะห์ ติดตาม ประสาน เรื่องราวในสถานการร์ปัจจุบันของปัญหาสงฆ์ และบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทันการณ์ด้วย.
- ไม่อยากจะเรียกว่า ๒๔ ชม. แต่มันเป็นเรื่องจริง เพราะหากมีเรื่องราวสำคัญเร่งด่วน ก็จะปลุกกันได้ตลอด ๒๔ ชมเลยครับ..
---------------------
คุยคั่นเวลาโพสต์นี้ ผมขออนุญาตชวนคุยสัก ๓ เรื่อง นะครับ
เรื่องที่ ๑ ความบ้าของคนบ้า (บ้าดับเบิล).
- เรื่องที่ผมขึ้นหัวข้อว่า..
"ว่าจะไม่พูดแล้วน้า" นั่นก็คือ..
- เรื่องที่ มีคน ๒ คน (ผมไม่อยากเอ่ยชื่อแล้ว ซึ่งก็คงทราบกันดี.).
- ได้พากันไปยื่นเรื่องที่ สำนักพุทธ ฯ เพื่อให้ตรวจว่า..
- สมเด็จช่วง แห่งวัดปากน้ำ มีบัญชีเงินฝากส่วนตัว และเซ็นเช็คออกไป ๑ ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าซื้อรถโบราณ ที่กำลังมีปัญหา.
- โดยร่วมกันกล่าวหาว่า สมเด็จช่วง มีบัญชีธนาคาร ส่วนตัวแบบนี้ และไปเซ็นเช็คออกไปเช่นนี้.
- ถือเป็นการละเมิดพระธรรมวินัย จึงขอให้ มส. ดำเนินการด้วย.
(พยายามเอาผิดกฎหมายไม่ได้ ยังพยายามจะมาเอาผิดทางธรรมวินัยอีก ขอให้พยายามเข้าไป พยายามมาก ๆ นะ อย่าหยุด -ความในใจของเจ้าคุณเบอร์ลิน).
------------------------
- เรื่องนี้ พอดี ผมมีเวลา ผมจึงได้ฟังการสัมภาษณ์สด ๆ ด้วย ดู และฟังจนจบ เพื่อที่จะฟังจากปากจริง ๆ ไม่ผ่านสื่อรายงาน และสังเกตท่าทาง กริยาไปด้วยว่า ..
"ไอ้นี่ จริง ๆ แล้วมันเป็น คนบ้า หรือ คน (สติ) ดี กันแน่".
- ซึ่งจริง ๆ ว่าไปแล้ว ก่อนที่พวกนี้จะไปยื่นเรื่องนี้นั้น ผมทราบมาก่อนบ้างแล้วครับ.
- ท่านทราบไหมครับว่า ..
- ในครั้งแรกที่ผมได้ทราบ เรื่องนี้ ผมสรุปในใจผมว่าไง....
ผมคิดในใจว่า "ท่ามันบ้าไปแล้วจริง ๆ ".
--------------------------------------
- แล้วผมก็คิดต่อไปว่า ..
- คงไม่ต้องตามเรื่องนี้แล้ว เพราะดูไร้สาระสิ้นดี.
- ซึ่งตรงนี้ ก็ปรากฎว่า ไปตรงกับทีมงานผมที่เมืองไทยสรุปกันเหมือนกัน ว่า "ไม่ต้องตามเรื่องนี้".
- ผมคิดต่อไปว่า ให้คอยดูว่า "รุ่งขึ้นวันพรุ่งนี้ จะมีสื่อไหน หรือ ใครบ้าง ที่จะมาบ้าไปกับมันครั้งนี้".
-------------------------------
- เพราะหากมาพูดเรื่องนี้ต่อจากมันอีกละก็ แสดงว่า ..
"คนนั้น น่าบ้ายิ่งกว่าคนยื่นเสียอีก"
- เพราะ โบราณว่า "อย่าถือคนบ้า อย่าว่า คนเมา".
- ถ้าไปถือไปว่า ตัวเราเองนะแหละ ที่จะยิ่งอาการหนักกว่าเขา.
-------------------------------------------------
มาดูครับ ว่าทำไมผมจึงร่าย "เรื่องบ้า ๆ" ยาวมาขนาดนี้.
บ้าเรื่องนี้ ผมขอจัดเป็นข้อ ๆ เลยนะครับ....
ข้อที่ ๑.
- เริ่มตั้งแต่ ตัวคนยื่นนี้ มีประวัติเคยยื่นเรื่องใหญ่ ๆ มาแล้ว และก็ยื่นแต่กับหน่วยงานใหญ่ ๆ ระดับประเทศเสียด้วย.
- ซึ่งบางเรื่องก็เรื่องสงฆ์ และเรื่องเล็กน้อย แต่ไปตีข่าวทำเหมือนใหญ่โต.
- บางเรื่อง สุดท้ายก็ต้องส่งมาที่ มส. หรือสำนักพุทธ ฯ และก็ถูกสรุปไปแล้ว.
- บางเรื่องก็แค่เป็นข่าวอยู่เพียงครึ่งวัน ขอแค่ยืนแถลงข่าว ๓๐ นาที เรื่องก็เงียบ ก็เอา และเป็นอยู่ประจำ.
----------------------------
ข้อที่ ๒.
- มาครั้งนี้ ทำไมจึง พากันมายื่นที่ สำนักพุทธ ฯ ละครับ ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่มายื่นที่นี่.
- ต่อไป ผมไม่อยากพูดเดียวจะหาว่า ไปดูถูก ว่า ..
"กลุ่มนี้ อาจลดเกรด ลดเรื่อง ลงไปเรื่อย ๆ ก็ได้".
- จนในอนาคต อาจจะถึงขนาดในครั้งต่อ ๆ ไป อาจนำกันไปยื่นที่วัดแถวอ้อน้อย เรื่องขี้หมูขี้หมาก็ได้ ใครจะรู้ ".
------------------------
ข้อที่ ๓.
- คนมายื่นเป็นฆราวาส ....
- คนเป็น ฆราวาส หรือครับ ที่จะมากล่าวโจทย์เรื่อง "อาบัติ" กับพระภิกษุ.
- ถ้าใครรีไปดูการให้สัมภาษณ์สื่อ แค่เรียกชื่อ "อาบัติของพระ ยังพูดไม่ถูกเลย "ไปพิสูจน์ได้เลย".
- แถมขณะให้สัมภาษณ์สื่อ ก็ยังออกอาการงก ๆ เงิ่น ๆ เน้นว่า "ผิดพระธรรมวินัย ๆ ไม่เกี่ยวกับกฏหมาย ๆ ย้ำอยู่ตลอด".
ข้อที่ ๔.
- ก็ทำไมละครับ คนห้วหน้าที่ยื่นมีผมสีดำนั้นแหละ.
- ในเมื่อตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็เห็นอวดรู้แต่เรื่องสำคัญ ๆ ใหญ่ ๆ ระดับประเทศทั้งนั้น.
- ออกสื่อสารพัด แถมถูกอุปโลกให้เป็น ประธาน นั่นนี้ อาสาทำศึกจะปฏิรูปศาสนา ทำทีรอบรู้สารพัด แต่..
- แต่เรื่อง พระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทย "มีบัญชีธนาคาร" นี้.
- ขอถามหน่อยว่า "เพิ่งรู้หรือครับ".
- ผมจะบอกให้ สมมติพระสงฆ์สามเณรในประเทศไทย ที่ท่านบวชกันประจำนี้ ไม่รวมบวชชั่วคราว.
- มีจำนวน กว่า ๓ แสนรูป อยากทราบไหมยครับว่า "มีบัญชีธนาคารกันกี่รูป".
- ก็จำนวนไม่มากหรอกครับ "มีแค่ ๓ แสนรูปเท่านั้น ที่มีบัญชีธนาคาร" ไม่ฮาได้ไง.
- หายงงหรือยัง ถ้าจะเอาผิดก็ผิดทั้ง ๓ แสน จับสึกให้หมดไปเลยเป็นไงฮากลิ้งเลยงานนี้.
- เรื่องแค่นี้ ยังไม่รู้ แล้วในเรื่องอื่น ๆ คงไม่ต้องพูดถึงหรอกมั้ง ผู้คนในสังคมไปคิดเองด้วยแล้วกัน.
-------------------
- ขอแทรกสาระความรู้พื้นฐานหน่อยว่า .....
- พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนานั้น มีศีล ๒๒๗ ข้อ
- ในสงฆ์นั้น มี ๒ ประเภท คือ..
๑. สมมติสงฆ์ ได้แก่ สงฆ์ที่กำลังมุ่งมั่น ที่จะเดินไปสู่ความเป็นพระอริยสงห์ในอนาคต (ศีล ๒๒๗ ข้อเช่นกัน).
๒. อริยสงฆ์ ได้แก่ สงฆ์ที่เป็นพระอริยะ คือ เริ่มตั้งแต่ ชั้น โสดาบันขึ้นไป จนถึง ชั้น พระอรหันต์ ทั้งมรรค และ ผล (ศีลก็มี ๒๒๗ ข้อเช่นกัน).
- แค่นี้นะครับ เดียวคนฉลาดจะมาโง่ตรงนี้อีก ผมจะบาป ฮา...
-----------------------------------
ข้อที่ ๕.
- หากให้ผมเดา เรื่องปล่อยไก่ ปล่อยโง่ ในครั้งนี้ คนเริ่มเรื่อง ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือ คนอวดรู้ ทั้งที่ไม่มีความรู้เรื่องพระใด ๆ เลยนั้น ก็น่าจะเป็น ....
"คนหัวไม่มีผม ที่ยืนข้าง ๆ (ไม่อยากเอ่ยชื่อ)
ที่ทำหน้าเหมือนคนไม่เต็มบาท นะแหละครับ
ที่นำเพื่อนมายื่น จนออกทะเลในครั้งนี้".
- เป็นใครไปเดากันเอาเอง.
------------------------------
- ช่วงที่ผมดูคลิปสัมภาษณ์นั้น ผมก็ลุ้นในใจอยู่ว่า..
"ทำไมน้องนักข่าว จึงไม่ถามคนหัวโล้น กรณีพระเปิดบัญชีธนาคารละว่า..
"ทราบว่า ช่วงท่านไปเรียนต่างประเทศนั้น ก็ยังเป็นพระภิกษุอยู่ใช่ไหมค่ะ ตอนนั้น ท่านเอาเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ นี้ท่าน ..
"ใส่ถุงกล้วยแขกไป หรือเอาใส่ชะลอมไปค่ะ".
- ถามงี้คงวงแตก.
- จะดูซิไอ้โล้นนี้มันจะตอบว่าไง...ไม่อยากด่าว่า "ไอ้เวร" เลยจริงๆ.
------------------------------------------------------------
ขอยุติพูดเรื่องนี้
- ต่อไปนี้ ผมจะไม่ขอพูดเรื่อง ยื่นตรวจบัญชีธนาคารพระนี้ อีกแล้วนะครับผม.
- ผมรู้สึกมันเสียเวลายังไงไม่รู้ครับ แสนน่าเบื่อกับคนบ้าจริง ๆ.
- และวันนี้ ทาง พศ. ก็มีคำตอบไปแล้ว ว่า ...
"ทำไม พระจึงต้องมีบัญชีธนาคาร".
- ซึ่งผมก็กำลัง จะถาม พศ. ที่ออกมารับเรื่องนะแหละว่า...
"ก็ทำไม ตอนออกมารับเรื่องนั้น ไม่บอกคนมายื่น เขาไปตอนนั้นเสียว่า ..
"ตนเอง (พศ.) เป็นคนให้พระไปเปิดบัญชีเอง".
- ยืนทำหน้าเซ่อ ทำวนไปวนมาให้ชาวบ้านวินกันทำไมก็ไม่รู้.
-----------------------------------------------------------
เรื่องที่ ๒ กรณีกล่าวหา เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย รับของโจร.
- ขอสั้น ๆ นะครับเรื่องนี้ ว่า....
- อาทิตย์ก่อน มีเพื่อนพระ สายวัดพระธรรมกาย ท่านคงอดทนไม่ไหว แต่ท่านก็พูดอะไรมากไม่ได้นัก.
- มาวันนี้ ท่านจึงฝากผมมาถาม ไปยัง อธิบดี กรม ดีเอสไอ ผ่านสังคมไทยว่า....
"กรณีที่กล่าวหาวัดพระธรรมกาย รับเงินบริจาคจากคุณศุภชัย จากสหกรณ์คลองจั่น ฯ ว่า..
"มีความผิด ข้อหา รับของโจรนั้น".
- ชาวธรรมกายทั่วโลก พวกเขาขอถามกลับว่า....
- "ตัวคุณศุภชัย ในนามสหกรณ์นั้น ไม่ใช่บริจาคให้เฉพาะแค่ วัดพระธรรมกาย แห่งเดียวเท่านั้น.....
- ในประเทศไทย นั้น ในนามสหกรณ์ ฯ ก็ได้บริจาค เพื่อสาธารณะกุศลไปหลายแห่ง หลายหน่วยงาน
ไม่อยากเอ่ยชื่อว่ามีที่ไหนบ้าง เดียวจะหนาวกันเปล่า ๆ..
"แต่หลักฐานก็หาไม่ยาก".
- ดังนั้น ถ้าจะดำเนินการมาเอาความผิด กับ วัดพระธรรมกายละก็.
- ที่อื่น ๆ ที่รับบริจาคจากสหกรณ์ ฯ นี้ไป ก็ต้องมีความผิด และจะต้องไปดำเนินการเช่นเดียวกัน.
- หากไม่ดำเนินการในมาตรฐานเดียวกัน ในอนาคต เมื่อบ้านเมืองปกติ ระวังลูกศรมันอาจจะย้อนมากปักคอหอยตัวเองได้เช่นกัน".
- นี่คือ ข้อความของเพื่อนสหธัมมิก ของเจ้าคุณเบอร์ลิน ได้ฝากมาถาม ฝากมาสื่อ ไปยัง อธิบดี กรม ดีเอสไอ. คนปัจจุบัน
- เป็นคำถาม ที่มาด้วยความอัดอั้นใจ.
- ซึ่งท่านอธิบดี ท่านจะไม่สนใจก็ได้ครับ เพราะเรื่องคิดมันเป็นเรื่องของท่าน แต่เรื่องกฏหมายย่อมไม่ใช่เรื่องของท่านนะครับ.
------------------------------------------------
เรื่องที่ ๓ ภาพประกอบ "มีดหมอ"
- มีญาติโยมบางท่าน เห็นภาพประกอบเป็นมีด เกิดตกใจ นึกว่าเป็นสัญญาณอะไรหรือเปล่า.
- ตอบว่า ไม่มีอะไรนะครับ เป็นความชอบในเรื่องวัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง ส่วนตัวของผมเอง.
- ผมมีมีดพวกนี้ สารพัด หลวงพ่อ จนเพื่อน ๆ ล้อว่า เบอร์ลิน เป็น "คลังแสงอาวุธ".
- เพราะผมสะสมชอบมีด มีหมอดู (เน้นว่าหมอดู) ชอบทักผมว่า "อดีตเป็นทหารเจ้าตาก ช่วยกู้ชาติมาก่อน".
- เอ้..สะสมแบบนี้ จะมีใครมายื่นตรวจสอบเปล่าเนี๊ยะ ...ฮา.
---------------
ความรู้เรื่องมีดหมอ สำหรับคอเครื่องรางไทย.
- เล่มนี้ (ถอดฝัก) คนรู้ดูก็ออกว่า ..
- เป็นมีดเทพศัตราวุธ ของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ นครสวรรค์ ที่สมบูรณ์เล่มหนึ่ง.
- มีดที่สมบูรณ์ให้ดูตรง "กั่นมีด" คือ ตัวเหล็กเชื่อมกับด้ามงานั้น หลวงพ่อท่าน จะบรรจุผงวิเศษ เกสา แผ่นยันต์ของท่านลงไปด้วย.
- เหล็กโลหะที่นำมาตีมีดนั้น ในสูตรมีดหมอ ของ หลวงพ่อเดิมนั้น ไม่ใช่เหล็กธรรมดา แต่ผ่านกรรมวิธีผสมทางตำราของท่าน.
- เป็นโหละผสม เช่น ตะปูโลงศพ เหล็กอาถรรณ์ต่าง ๆ เป็นต้น.
- ดังนั้น "เนื้อมีด" หมอหลวงพ่อเดิม จึงจะต้องเกิดสนิม ไม่ใสวาวเหมือนหลวงพ่อองค์อื่น และท่านสร้างไว้หลายขนาด ช่างก็มีหลายคน.
- มีข้อห้ามว่า ...
- อย่าให้มีดหมอหลวงพ่อเดิมปาดเป็นแผลเด็ดขาด.
- เพราะจะไม่สามารถรักษาแผลนั้นได้ และจะลามไปจนกว่าจะเสียชีวิต".
- เวลาชักมีดออกจึงระวังมืออย่างยิ่ง.
---------------------
- เล่มนี้ของผม วงการเขาเรียกว่า ด้ามงาตัด ฝักไม้ แหนทองเหลือง ช่างฉิม ตีเอาไปถวายหลวงพ่อทำพิธี.
- เล่มนี้ เป็นเล่มที่ ลุงพยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคม พระเครื่อง ฯ ญาติผมเอง แกถวายผมมานานกว่า ๓๐ ปีแล้ว.
- เป็นเล่มที่ผมใส่ย่ามตลอดเวลา ครับ.
- เล่มนี้ผมพิสูจน์มาหลายครั้งแล้ว เจอเหตุการณ์บางอย่าง บางที ตัวผมเองยังกลัวเลย.
- พุทธคุณมีดหมอนั้น ขึ้นชื่อว่า เทพศัตราวุธ ก็เพราะเทวดายังต้องเกรง ภูตผีปีศาจ ไม่กล้าใกล้ พวกคุณไสย มนต์ดำ อัปมงคลพ่ายสิ้น เดินป่าชงัดนักแล.
------------------------------------
แทรก - อธิบายภาพที่แนบมา.
- แต่บรรดามีดหมอ ที่คนตระกูล คำพันธุ์ ถือว่า ล้ำค่าที่สุดของวงการ ก็คือ..
- เล่มที่ อยู่กับ คุณนุกูล เสืองามเอี่ยม หรือ เสี่ยเป็กโก้ เจ้าของค่ายมวย ป. เป๊กโก้ ปากเกร็ด ลูกพี่ เก่งกล้า เก่งกาจ ป. เป๊กโก้ มวยเงินแสน แฝดชุมพร นะแหละครับ.
- คำพันธุ์ เกี่ยวอะไร กับ เป็กโก้ เกี่ยวอะไรกับมีดหมออันดับหนึ่งวงการเล่มนี้.
--------------------------------
- คุณตาของลุงพยัพ ก็คือ เป็น คุณพ่อ ของ แม่ถวิล (แม่ลุงพยัพ พี่เยาว์ สุทัญ).
- สมัยนั้นคุณตาแกได้ไปทำบุญกับหลวงพ่อเดิม เป็นเงิน จำนวน ๕ บาท จึงได้มีดแหนทองคำ เล่มนี้มา (ภาพประกอบ).
- พอตาตายก็ตกมาอยู่กับแม่ถวิล (แม่ลุงพยัพ) พอแม่ตาย ก็ตกมาอยู่กับพี่สาวคนโตของลุงพยัพ.
- ซึ่งพอพี่สาวคนโตตาย ก็ตกมาลูกชายคนโต นั่น ก็คือ เป็กโก้ นั้นเอง.
- ก็เท่ากับว่า เป็กโก้ เป็นหลานลุงพยัพ คือเป็นลูกชายคนโต ของพี่สาวคนโตของแกนั่นเอง.
-----------------------------------
- ทุกวันนี้มีดเล่มประวัติศาตร์เล่มเดียวของวงการนี้ จึงอยู่ที่เป็กโก้ ครับ.
- พอผมเจอหน้าพวกนี้ พี่ชายลุงพยัพ ผมเรียกพี่เยาว์ น้องสุดท้อง ชอบมาเดินตามผม ชื่อ สุทัญ.
- ทั้งหมด ทั้งลูกหลาน ครึ่งร้อยคน ล้วนเรียกผม "อาจารย์ ๆ ทุกคำครับ" ผมจะคุ้นเคยยิ่งกว่าญาติกับคนตระกูลนี้.
- ท้าย ๆ โพสต์นี้ ขออนุญาตเอาใจคอเครื่องรางนะครับ.
- มันจะได้หายเซ็งกันลงมาหน่อย หลังถูกห้ามเล่นสงกรานต์กัน.
- วงการพระเครื่อง มันเซ็งหลายเรื่อง มันบ่นอุบกันเลยตอนนี้.
--------------------
จบก่อนนะครับ
สาระรอโพสต์หน้านะครับผม
โชคดีมีชัย วันสงกรานต์ล่วงหน้าทุกท่านนะครับ.
เจ้าคุณเบอร์ลิน
08.04.2016

มีแต่รายการแก้เกี้ยว เหตุทำแฟนมวยเซ็ง

มีแต่รายการแก้เกี้ยว เหตุทำแฟนมวยเซ็ง



---------------------------------------------------
- ในเบื้องต้น อยากจะมาบอกว่า...
- ผมไม่ได้หายได้ห่างไปไหนหรอกนะครับ.
- ยังคงติดตามสถานการณ์คณะสงฆ์อย่างใกล้ชิด และละเอียดตลอดเวลา.
- อีกทั้งสถานการณ์ที่ผมก็ไม่มีตื่นเต้นอะไร.
- ทุกอย่างยังปกติดีครับ.
-------------------------
- แต่ถ้าจะถามว่ามีเหตุผลอะไรหรือเปล่า ที่ ผมหายไป.
- ก็ไม่อยากปิดครับ แต่ก็ไม่อยากเปิดหมดครับ.
ที่ไม่อยากปิดนั้น....
- เพราะผมถือว่า การทำหน้าที่ตรงนี้ของผมนั้น เป็นการทำเพื่อพุทธศาสนา และเพื่อพุทธศาสนิกชน ผมคิดในใจตลอดเวลาว่า
- ผมจะต้องมีความรับผิดชอบสูง จะต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุด.
- นำเสนอสิ่งใด ก็ให้ได้สาระที่สุด.
- จะต้องประกอบไปด้วยจิตใจที่ตั้งอยู่ในกุศลเจตนา คือ หวังดีต่อพุทธศาสนิกชนทุกท่าน ที่ให้ความอุปถัมภ์บำรุงพระศาสนา.
------------------------------------
ส่วนที่ไม่อยากเปิดนั้น..
- ก็เพราะว่าหากเปิดหมด ฝ่ายตรงข้ามก็จะสืบรู้ได้ สามารถเดาแผนเราออก ตั้งรับเราได้.
- ก็ดูเอาซิครับ ฝ่ายพาล เดียวหลบหลีก แถกแถ สารพัดอ้าง สารพัดกลโกง กลพาล แก้้โน้น ออกนี่ ปิดนี่ ออกนั่น อย่างที่เห็นรายวันกันนะแหละ.
- ไอ้ที่ยื้อกันร่วม ๔ - ๕ เดือนนี้ ก็เพราะเป็น "พาลในกมลสันดาน" อย่างนี้แหละครับ.
- อย่าลืมนะครับว่า พวกคนพาลแก๊งค์นี้ ใช่ว่า ยาธรรมดา จะแก้ได้ง่าย ๆ มันต้องใช้ยาสูตรพิเศษหน่อย จึงจะเอาอยู่.
- ก็คิดดูซิครับ "กฏแห่งกรรม" มันยังมองข้ามเลย แล้วอะไรจะมาหยุดยั้งพวกมารนี้ได้ง่าย ๆ
- บางอย่าง บางเรื่อง บางสิ่ง ผมจึงจำเป็นจะต้องปิดครับ เพื่อให้เป็นไปตามแผนการณ์ที่ร่วมกันวางไว้ เพื่อลากคอมารมาประจานให้ได้.
-----------------------------------------------
- ก็ดังที่ในโพสต์ต้น ๆ ผม ๆ จึงออกตัวไว้ก่อนว่า งานนี้ "ผมเอาจริง" "ไม่เอาความสะใจ" หรือ "เอามันส์".
---------------------------------------------
สาเหตุใหญ่ ที่ผมเงียบไป ๒-๓ วัน ขอเรียงตามลำดับความสำคัญมาชวนคุยนะครับ คือ..
สาเหตุที่ ๑. - น่ากลัว สุด ๆ
- เนื่องจากโพสต์ครั้งล่าสุด เรื่อง เงินอุดหนุนพระสังฆราช กว่า ๓๐๐ ล้านบาท นั้น.
- เรื่องนี้ เพราะทีมงานของผม ได้ร่วมปรึกษาประสาน และวิเคราะห์กันแล้ว สรุปว่า ..
- โพสต์เรื่องเงินอุดหนุนสังฆราช กว่า ๓๐๐ ล้านบาท ที่โพสต์ทิ้งทวนไว้นั้น ทุกสายประเมินตรงกันว่า "เอาอยู่".
- ในช่วงวันที่ผม โพสต์ไปนั้น ก็ได้มีพระมหาเถระผู้เฒ่า ฝ่ายธรรมยุต ระดับกรรมการ มส. มาอ่านดู.
- ท่านยังอุทานว่า "บอกตรง ๆ เป็นโพสต์ที่น่ากลัวมาก" (หมายถึงคนที่ถูกสื่อไปถึง).
- ซึ่งก็ไม่ผิด เพราะขนาดเมื่อวาน หลวงพ่อคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ฝ่าย ธรรมยุต อีกท่านยังส่งข่าวมาว่า..
"มาถูกทางแล้ว ให้จี้ เรื่องเงินอุดหนุนสังฆราชนี้ คิดว่า เอาอยู่".
- นี่เสียงสะท้อนกลับมาบางส่วนครับ.
-------------------
- ดังนั้นเรื่องนี้ ผม และทีมงาน จึงวางแผน การโพสต์ในครั้งนี้ เป็นเบื้องต้น คือ...
๑. ทิ้งประเด็นนี้ไว้สักระยะ เพื่อให้สังคมได้แชร์ และรับทราบ จะได้รู้ว่า "ไอ้ที่เดิน ทำเป็นวางมาดว่าเคร่ง ๆ นะแหละตัวดีนักเชียว".
๒. แผนเปิดประเด็นเงินอุดหนุน ฯ นี้ ใครก็มองออกว่า..
- ผู้เปิดประเด็น กะจะใช้เป็นหมัดน๊อค วัดสระเกศ และวัดปากน้ำ.
- เพราะผู้ทำหน้าที่ สมเด็จพระสังฆราชต่อจากวัดบวร คือ วัดทั้งสองแห่ง.
-----------------------------
แทรก..
- เรื่องนี้ ผม และทีมงาน ก็วางแผนไว้อีกชั้นว่า "ขอให้มันเดินต่อสักนิดเถอะ เจ้าข้าเอ้ย จากนั้น ฉันจะทำให้รู้ว่า...
"ของจริง ของปลอม มันต่างกันอย่างไร"
- เรื่องเงินอุดหนุนนี่ ฉันจะกางหลักฐานเอกสาร มีตราครุฑ พร้อมลายเซ็นเรียบร้อย วางกลางสนามหน้า รร. วัดบวรไปเลยครับ งานนี้ อาจคงได้ติดคุกกันมั่ง"
-------------------------------------
- สุดท้าย ผู้เปิดประเด็น ที่กะจะฝังวัดทั้งสองนั้น.
- ปรากฏว่า สวรรค์ไม่เข้าข้าง ดันออกบ้ามุทะลุ ไม่ปรึกษาใคร อยากโชว์ดังเดี่ยว ๆ.
- เพราะปรากฏว่า งานโง่แล้วขยันนี่ คาดผิดถนัด น่าเขกหัวตัวเอง.
- ผิดแบบที่ทั้งอาจารย์ และลูกศิษย์ อยากจะเอาหัวทิ่มกำแพงตายไปเลย.
- เพราะดันไปไว้ใจคนบ้า ให้ไปทำงานใหญ่ หวยดันออกตรงข้าม ดังรายละเอียดที่โพสต์ผมว่าไว้แล้ว.
--------------------------------------------
- ดังนั้น เมื่อรู้ว่า "พลาดอย่างจัง" อย่างนี้ จึงมีคนส่งสัญญาณให้ "รีบชักมือกลับ ก่อนที่จะพังกันหมด".
- เรื่องชักมือกลับด่วนนี้ สังเกตไม่ยากครับ.
- "ให้ไปจับอาการ ของ พุทธอิสระก็แล้วกัน เช่น เดียวส่งเรื่อง สตง. เดียวออกมาว่า คดีอยู่ในกระบวนการยุติธรรม เดียวขอให้เว้นเรื่องนี้ ในการดีเบต ฯ".
- ก็จะไม่พังได้อย่างไร หลักฐานท่นโท่ และผมก็บอกนิ่ม ๆ ไปว่า "มาไงก็ไปงั้น คดีมาก็คดีไป".
- ผมว่างานนี้ ไอ้ที่ "หวังส้มหล่น" นั้น อาจจะเป็น "คดี" แทนส้ม ก็ได้.
- เล่นเอาเสียวสันหลังกันไปทั้งบางเลยละครับ กับผลงานนี้. (หากไม่หยุดเล่น).
-----------------------------------------
- หลังโพสต์ไป ส่วนที่ผม ก็มีอะไรแปลก ๆ นะครับ คือเมื่อช่วง ๒- ๓ วันมานี้ มีคนพยายามติดต่อช่่องทางต่าง ๆ มาถึงผมด้วยครับ (เหมือนตื้อ).
- แต่ผมก็ปิดทาง และลบบล๊อคไปหมด.
---------------------------------
- อยากจะบอกว่า...
- ไม่จำเป็นสำหรับผมหรอกครับ ตัวผมจะไม่คุยกับใคร.
- ผมจะคุยแต่กับคนดี คนมีคุณธรรมเท่านั้น.
- จบสั้น ๆ นะครับ จึงขอฝากไปยังคนที่คิดจะมาคุยกับผมด้วย.
-----------------------------------------
สาเหตุที่ ๒ - เซ็งนิดหน่อย
- ส่วนตัวผมนั้น ก็ตามประสาวัยรุ่นครับ บางครั้ง ใจมันร้อน คือปกติผมเคยดูแต่มวยช่อง ๗ สี ของเฮียชุ้น เกียรติเพชร แกจัดแต่มวยมันส์ ๆ.
- พอมาดูมวยเวทีอื่น เห็นมัวแต่รำ เชิดฉิ่ง ไม่ยอมออกอาวุธสักที เห็นแล้วบอกตรง ๆ "รมณ์เสีย" ครับผม.
- ก็เรื่อง ดีเบต ดีบ้า อะไรนี่แหละครับ.
- ผ่านไปกว่าเกือบจะอาทิตย์ ติดตามข่าวจน ขาโจ๋ เกิดอาการเซ็งไปตาม ๆ กัน.
- จนแทนจะยกให้โพสต์ของผมล่าสุด ที่ผมออกตัวว่าเป็นมวยก่อนเวลา จะให้เลื่อนมาเป็นคู่เอกไปแล้ว.
----------------------------------
- ท่านทราบไหมครับ จนป่านนี้ ปรากฎว่า ทั้งสองฝ่ายที่ท้ากันออกอากาศรายวันนั้น มันยังตกลงกันไม่ได้เลยว่า จะเอาไงกันแน่.
- ทั้งการจับคู่ ทั้งตั้งข้อแม้เรื่องที่จะดีเบต ทั้งตั้งแง่ ตั้งงอน เรื่องกฎกติกา ยังไม่สรุปสักอย่าง
- ไอ้ห่าเอ้ย... มึงจะเอาไงก็เอากันสักทีซีโว้ย...วัยรุ่นเขาเซ็ง "ว่ะ" (นี่วัยรุ่นเขาฝากมาพูด).
-------------------------------------
สาเหตุที่ ๓ - เรื่อง ดีเอสไอ ออกหมายเรียก ท่าน ธัมมชะโย.
- เรื่องนี้ บอกตรง ๆ ครับ ตั้งแต่แรก ๆ แล้ว ว่า.. ตัวผมไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรนัก เพราะในใจผมนั้น เชื่อว่า ..
"ยังไง ธรรมกาย เขาก็เอาอยู่".
- ซึ่งมาถึงวันนี้ ก็ยังมีทางออก ออกได้หลายทางเสียด้วย.
- อย่าลืมนะครับ หากในเวลาบ้านเมืองเป็นปกตินั้น กระบวนการยุติธรรม เขาก็จะเดินไปตามปกติเช่นกัน.
- ผมก็ไม่อยากจะพูดไปก่อนว่า..
- "จนท. หน่วยงานไหน ที่หน้ามืด ที่มีเจตนาส่อรับใช้กับความไม่ถูกต้อง ถึงขนาดไปทำผิดกฏหมายนั้น ในเวลาหากบ้านเมืองเข้าสู้ปกติ ขอให้พวกคุณระวังกันไว้ดี ๆ หากมีความผิด มันจะให้ผลช่วงนั้น - นี่เตือนนะครับ".
--------------------------------------------
- อันความปกติ ของ กระบวนยุติธรรม นั้น มันก็เหมือน กระบวนการเรื่อง กฏแห่งกรรม ในทางพระศาสนา นั้นแหละครับ.
- นั้นก็คือ การยึด หรือ การถือ นั้น ..
- เขาเอาเรื่อง "เจตนา" เป็นตัวตั้ง เป็นเกณฑ์ในการวินิจฉัย และลงโทษในกรรมนั้น ๆ.
- เปรียบถึงการกระทำ ของ ดีเอสไอ ลำพังแค่การออกหมายเรียก ก็ยังพิลึกพิลั่น.
- เมื่อถูกทักท้วง ต้องออกสองรอบ จนป่านนี้ ก็ยังไม่สามารถเคลีย์กับสังคมได้.
- พฤติกรรม แค่ออกสตาร์ทตรงนี้แหละ มันแสดงถึง "เจตนา" ที่จะอ้างได้แล้วครับ.
--------------------------------------
สาเหตุที่ ๔ - ดีเอสไอ ส่งเรื่องให้ ปปช.
- เพื่อให้ตีความ พระลิขิต และวินิจฉัย ม. ๑๕๗ กับ มส. ทั้ง คณะ.
- รายละเอียดก็ที่ ท่านอธิบดี ดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์นะแหละครับ
- ในส่วนตัวผม แทบไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ อีกแล้วครับ เพราะพูดมามากแล้วว่า "เรื่องของสงฆ์สุดท้ายก็ต้องส่งให้สงฆ์อยู่ดี".
- อยากจะสั้น ๆ สักหน่อย เพื่อไม่ให้ พุทธศาสนิกชนตกใจไปกับ ข่าวร้้ายรายวันแบบหาสาระไม่ได้เช่นนี้ คือ..
"ขออย่าไปสนใจ หรือตื่นเต้นเลยครับ กับข่าวนี้".
-----------------------------
- เพราะผมดูสถานการณ์แล้ว เหมือนเจตนาจะแก้เกี้ยว ปกปิด หรือ ผลักภาระให้พ้นตัวเท่านั้นครับ.
- ตรงนี่ผมไม่ได้ว่าร้ายให้ใคร แต่ลักษณะรูปการณ์มันเป็นแบบนั้น เพราะหน่วยงานตัวเองก็เพิ่งเคยผ่านเรื่อง มติ มส. เมื่อเร็ว ๆ นี้ ใน เรื่อง รื้อฟื้นอธิกรณ์ ไม่ได้ไปแล้ว.
- มาวันนี้ ยังจะส่งเรื่องนี้ ไปให้หน่วยงานอื่นอีก.
- แบบนี้จะให้ชาวบ้านเขาเข้าใจว่าอย่างไรดีละครับ.
- ว่าไปแล้ว ปปช. หรือสารพัดหน่วยของรัฐบาลนั้น.
- ให้ไปพลิกกฎหมายดูกันเอาเอง ทีละบรรทัด หรือจะไปดูคดีที่ ปปช. รับผิดชอบเรียงแถวดูก็ได้ ว่า..
- มีตรงไหน ที่ให้อำนาจไปเกี่ยวกับ มส. เกี่ยวกับศาลสงฆ์บ้างครับ (อย่าไปโยงศาลบ้านเมืองให้งงนะครับ ว่า พระทำผิดกฏหมายก็ต้องรับโทษ ก็ใครว่าไม่ต้องรับโทษละครับ นั้นมันแหงอยู่แล้ว).
- ปปช. จะพอคืบคลานไปถึงได้บ้าง ก็แค่ สำนักพุทธ ฯ เท่านั้น เพราะอาจถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้ แต่ก็จะถูกแย้งว่า ทำตาม มส.ไปอีกชั้น.
- อัน มส. นี้ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐนะครับ (คนละส่วนกับตำแหน่งพระสังฆาธิการ - เจ้าอาวาส) ถ้าจะเทียบเท่า ก็เท่ากับรัฐบาล ๆ หนึ่ง คือหมายถึงง่าย ๆ ก็คือ เป็นหนึ่ง ในเสาหลัก ของประเทศ.
- อันเสาหลักของประเทศ ก็คือ ชาติ (รัฐบาล) ศาสนา และพระมหากษัตริย์.
- ถามว่า หน่วยงานรัฐบาลหรือครับ ที่จะไปก้าวก่าย เสาหลักที่เรียกว่า ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ ได้.
- หน่วยงานรัฐบาลทั้งหมด มีหน้าที่เพียงอย่างเดียว ก็คือ ให้การทำนุบำรุงรักษา ปกป้อง คุ้มครอง เท่านั้น.
--------------------------------------
สรุป
- ขอปิดท้าย ด้วย ข่าวที่ พุทธอิสระ ได้ส่งทนายไปฟ้อง เจ้าคุณพิพิธ วัดสุทัศน์ เพื่อเรียกค่าเสียหายทางเพ่งถึง ๑๐ ล้านบาท.
- โดย เจ้าคุณพิพิธท่านบอกว่า "ที่ท่านพูดนั้น ไม่ได้หมายถึงพุทธอิสระ แต่หมายถึง ฆราวาส".
- มาเมื่อวาน พุทธอิสระไปศาล เพื่อไตร่สวนมูลฟ้อง.
- พอออกมาจากศาล ทราบไหมครับว่า ท่านพุทธอิสระ ให้สัมภาษณ์สื่อว่าไง.
- พุทธอิสระให้สัมภาษณ์สื่อทำนองว่า "ถ้าเจ้าคุณพิพิธ สำนึกผิด และมาขอโทษ ก็จะยกฟ้อง".
- พูดแบบออกอาการเย้ย ๆ เสียด้วย และใครก็รู้ว่าว่า หากยอมแก ๆ ก็จะเกทับกลับอีกหลายขนาน..
- ผมฟังแล้ว แทบไม่เชื่อหูตัวเองเลยครับ ว่า พุทธอิสระจะพูดแบบนี้ออกมาได้ คนอายุผ่านร้อนผ่านหนาวมาขนาดนี้ พูดออกมาได้ไงแบบนี้.
- ทำให้ผมได้รู้ลึกไปถึงจิตใต้สำนึกของ พุทธอิสระ ได้เลยว่า ..
"คน ๆ นี้ เขาไม่มีความคิดที่จะมองคนอื่น ๆ ว่าเป็นคนเลย".
-----------------------------
- ทำไมผมคิดอย่างนี้ ...
- ก็เพราะเจ้าคุณพิพิธนั้น ท่านก็เป็นคน เช่นเดียวกัน กับ ตัว พุทธอิสระผู้พูดนะแหละ.
- ทั้งท่านเป็นพระ เป็นพระราชาคณะ ชั้นราช เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดหลวงชนิดชั้นพิเศษ ท่านย่อมมีศักดิ์ มีศรีของท่าน.
- แล้วตัวพุทธอิสระ เป็นอย่างไร ผมคงไม่ต้องแจง.
- แต่ผมกำลังจะพูดว่า ..
"การที่พุทธอิสระ ไปพูดเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า บีบให้ เจ้าคุณพิพิธหมดทางเดิน ยอมแลกกับการมาสำนึกผิด และขอโทษ จึงจะถอนฟ้องให้".
- ผมถามว่า "ถ้าเป็นพุทธอิสระ หากมีใครมาทำอย่างนี้กับคุณ ๆ จะยอมไหม".
- ทำไม คุณไม่คิดถึงจิตใจคนอื่น ที่เขาก็เป็นคนเช่นเดียวกับคุณบ้างครับ.
- อันคนเรานั้น เขาก็รักศักดิ์ศรีของตนทั้งนั้น ทำไม จะต้องไปบีบคนอื่นเขาถึงขนาดนี้ ใจเขาใจเรา ใส่กันไว้บ้างไหม ไหนว่ามีใจเมตตาหนักหนา.
- พุทธอิสระ คงเคยได้ยินนะครับว่า "ลูกผู้ชาย ฆ่าได้ หยามไม่ได้ หรือ อย่าไปบีบหมาให้จนตรอก".
- ลักษณะนี้ มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ.
--------------------------------------------------
- หวังหรือ ว่า เจ้าคุณพิพิธท่านจะยอมงานนี้.
- คุณทำเพื่ออะไร คุณพุทธอิสระ ท่านสูญเสียภาวะความเป็นผู้นำไปแยะเลยนะครับงานนี้.
- ผมทราบว่า งานนี้ เจ้าคุณพิพิธท่านก็ไม่ยอม และท่านก็จะไม่ใช้ทนายช่วยด้วย.
- ท่านบอกว่า "ท่านจะไปพูดความจริง แบบพระ ให้ศาลฟัง".
- ประเมินนักสู้ นักเลง อยุธยาต่ำไปหรือเปล่าครับ พุทธอิสระ.
- โปรดคอยตามชมนะครับ งานนี้ ศาลจะฟังใคร.
-------------------------------------------------
- โพสต์นี้ สัพเพเหระ นะครับ ถือว่าผมมารายงานตัว และชวนคุย ในวันเบา ๆ นะครับ.
- ครั้งหน้า "ลึก แรง หนัก เช่นเคยครับ".
โชคดีมีชัยทุกท่านนะครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน
07.04.2016