วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

ดร. วิษณุ ยันเปี้ยง ผู้ตรวจการ "เสนอมา แต่อย่าชี้แนะ" : ย้อนถามทำไม มส. ต้องประชุมใหม่ - ใครบอกว่า "ผิด".

ดร. วิษณุ ยันเปี้ยง ผู้ตรวจการ "เสนอมา แต่อย่าชี้แนะ" : ย้อนถามทำไม มส. ต้องประชุมใหม่ - ใครบอกว่า "ผิด". 

 

 ...................

กรณีสื่อต่าง ๆ ได้รายงานว่า ในวันนี้ ...04.03.2016
- ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เปิดคำวินิจฉัย เกี่ยวกับ มติ มส. ในการเสนอนาม สมด็จช่วง ขึ้นทูลเกล้า ฯ เป็นพระสังฆราชรูปที่ ๒๐ ในลักษณะว่า ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ดังที่ปรากฏแล้วนั้น.
.............
- ในเบื้องต้น ผมขอยกคำที่เรียกได้ว่า "ยันเปี๊ยงเข้าใส่ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินไปเลย"
และถือว่า จบ และปิดประเด็นนี้ทันที ทำเอาคนวางแผนชักใยเบื้องหลัง "ไปไม่เป็น" ไปเลยงานนี้.
- สำทับด้วยประโยคว่า...............
" ถ้าหากผู้ตรวจการแผ่นดินทักท้วง เราก็อาจจะฟัง แต่จะทำอย่างไรต่อ ก็อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้เป็นเพียงข้อสังเกตของท่าน แล้วอย่ามาถามรัฐบาลว่า
"ไม่รู้หรือว่าผิด"
เพราะจนวันนี้ ก็ยัังไม่รู้เลยว่า ที่ผ่านมานั้นผิด"
- เป็นไงครับ จบมัยงานนี้ ทั้งหมดนี้คือ คำกล่าวอย่างหนักแน่นของ......
ดร. วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี
ที่ให้สัมภาษณ์สื่อที่ปรากฏในมติชนออนไลท์ วันนี้ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๙.
- เป็นรองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นมือกฏหมายทั้งหมดให้นายบิ๊กตู่นะแหละครับ.
- ได้พูดเอาไว้ ทำเอาชะงักงัน ซึมกันทั้งบางไปเลยทีเดียว.
- เพราะถ้าหากเป็นคนอื่นพูด บรรดาเจ้าปัญหาคงไม่ยอมรับง่าย ๆ หรอกครับ.
- ผมว่า แค่คำพูดของท่าน ดร. วิษณุที่ยกมานี้ ก็น่าจะปิดฝาโลงกันได้แล้วครับ.
- ประกอบกับได้เห็น "หมายกำหนดการ พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จ ฯ พระญาณสังวร" ที่ผมแนบมานี้แล้ว.
- คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินที่ออกมาในครั้ง ก็น่าจะยุติ.
..........................................
แต่ผมอยากจะชี้ให้เห็นถึงรายละเอียดเพิ่ม .....ถือว่าเสริมปัญญากันนะครับ...
- เพราะจะได้เสริมสติปัญญา ไล่เท่าทันเกมป่วนพวกจ้องป่วนทั้งหลาย
- พร้อมจะได้ให้สังคมได้เห็นจะจะกันไปเลย ของคณะละครลวงโลกคณะนี้.
.......................
ตามมาครับ....
- สาเหตุที่ผมออกมาโพสต์ช้านิดหน่อยนั้น เพราะผมต้องการ จะรอดูว่า ....
- ท่าน ศ. ศรีราชา วงศารยางกูร ในฐานะประธาน หรือ ท่าน พล.อ. วิทวัส รชตะนันต์ หรือ ท่าน บูรณ์ ฐาปนดุลย์ ร่วมคณะเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน.
- ว่าจะมีท่านใดท่านหนึ่ง จะออกมาแถลงด้วยตัวเองหรือไม่
- เพราะทั้ง ๓ ท่านนี้ เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้ง จากพระมหากษัตริย์.
- ที่มีคุณสมบัติระบุไว้อย่างชัดเจนของ ผู้ที่วุฒิสภาจะเสนอขึ้นไปว่า..
"จะต้องเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับนับถือของประชาชน / มีความรู้ / ที่สำคัญ เป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ด้วย.
- สุดท้ายก็เป็นเพียง เลขาธิการ คือ คุณรักษเกชา แฉ่ฉาย.
- ซึ่ง ศ. ศรีราชา ประธาน ฯ เคยให้สัมภาาษณ์ว่า หากเป็นเรื่องปกติ ก็จะให้ออกพูดมาแทน.
..............................
- ผมรู้สึกสังหรณ์ในใจว่า ......
- งานนี้ อาจมีลักษณะลูกน้อง จะหลอกวางยาเจ้านายก็ได้นะครับ ดูเหตุผลผมตรงนี้ก่อน.....
- เพราะงานนี้ หากเป็นประธานผู้ตรวจการแผ่นดินดำเนินงานจริง ๆ ต้องถือว่า พลาดอย่างจัง พลาดหลายจุดด้วย พลาดอย่างไร ติดตามไปเรื่อย ๆ นะครับ.
- ระดับผู้ตรวจการแผ่นดินทั้ง ๓ ท่าน ข้างต้นนั้น ไม่น่ามีคำวินิจฉัยลักษณะ จะก่อปัญหาตามมากับองค์กรณ์เช่นนี้ได้....
เพราะเหตุผล ดังนี้............
ประการที่ ๑.
- องค์กรของตน จะต้องทราบตั้งแต่แรกว่า มีอำนาจรับเรื่องมาวินิจฉัยหรือไม่.
- เพราะตามข้อเท็จจริงแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินย่อมไม่มีอำนาจหน้าที่ ที่จะมีความเห็นในเรื่องนี้ได้.
- เพราะเป็น มติ มส. ที่ไม่ใช่เป็นการออกคำสั่งเพื่อบริหารราชการแต่อย่างใด.
...............
ประการที่ ๒.
- เพราะตามที่ระบุไว้ในอำนาจหน้าที่ ของ ผู้ตรวจการ ฯ นั่นคือ...
"การที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะตรวจสอบเรื่องใด ที่หน่วยราชการหรือผู้มีคำสั่งใด ที่มีผู้อ้างว่า...
- คำสั่งใด ไม่ชอบด้วยกฏหมาย ต้องมีผู้ร้องเรียน และผู้ร้องเรียนนั้นต้อง "เป็นผู้เสียหาย เพราะคำสั่งนั้น ๆ" นี่คือเหตุผลแรก.
- อีกอย่าง เพราะว่า กระบวนการนี้ เป็นกระบวนการขั้นตอน เพื่อเสนอแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง.
- ดังนั้น การประชุมของมหาเถรสมาคม เพื่อลงมติ ในครั้งนี้ จึงไม่ใช่ "คำสั่ง" หรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการ ที่ไม่เป็นไปตามกฏหมายแต่อย่างใด.
- ดังนั้น ข้อนี้ จึงไม่อยู่ในข้อ "รับวินิจฉัยของ ผู้ตรวจการแผ่นดิน".
- หรือหากมีคำถามกลับไปว่า กรณีที่องค์กรณที่มีกฏหมายเฉพาะอื่น ๆ เช่น การแต่งตั้งภายใน ของ กระทรวงกลาโหม.
- หรือแม้แต่ในองค์กรศาสนาอื่น ๆ เช่น ยกประเด็นชัด ๆ เช่นว่า.....
- หากการแต่งตั้งท่าน จุฬาราชมนตรี ของพี่น้องอิสลาม เหล่านี้นั้น จะต้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เสนอความเห็นหรือชี้แนะ ด้วยหรือไม่
- เรื่องละเอียดอ่อนนี้ ย่อมต้องระมัดระวังยิ่งในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยองค์กรรัฐ.
- อีกทั้ง อำนาจวินิจฉัยครั้งนี้ ก็ไม่ได้มีผลทางกฏหมายใด ๆ เป็นเพียงแค่ "ชี้นำ หรือเสนอไปที่นายกรัฐมนตรีเท่านั้น".
- ซึ่งวันนี้ ท่าน ดร. วิษณุ ก็ยันมาตรง ๆ ว่า "เสนอมานะ อย่าชี้แนะ".
...........
- ทั้งหมดนี้ ผมจึงเชื่อว่า "ระดับ ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ย่อมทราบดีอย่างแน่นอน" แต่ทำไมจึงมีคำวินิจฉัยที่เกี่ยวกับศาสนาโดยตรง เช่นนี้ ออกมาได้.
- ทั้งยังเป็นประเด็นสำคัญ ที่ ผู้ตรวจการแผ่นดิน จะต้องชี้แจ้งสังคมให้แจงชัดด้วย.
....................
ประการที่ ๓.
- ประเด็นนี้เล็กน้อยก็จริง แต่ที่ผมเห็นผิดสังเกต จึงแทรกมาก่อน.
- นั่นก็คือ เริ่มตั้งแต่มีสื่อทางผู้ยื่น ได้หยิบข่าวไปรายงานอย่างละเอียดล่วงหน้า ไปก่อนแล้ว ก่อนที่เลขาธิการ ฯ จะแถลงเสียอีก ตัวผมเองก็ได้อ่านล่วงหน้า ๑ วัน เป็นเพราะเหตุใด.
- สุดท้าย คุณไพบูลย์ ซึ่งอ้างว่า เป็นผู้ยื่นเรื่อง ซึ่งถือว่า เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง.
- เมื่อยื่นไปแล้วแทนที่จะอยู่นิ่ง ๆ ปล่อยให้หน่วยราชการเขาดำเนินไปตามปกติ แสดงความบริสุทธิ์ใจตนเอง.
- แต่แกก็กลับ ไปยืนแถลงข่าว เรื่องนี้ พร้อม เรียกร้องต่อไปอีก เป็นการเรียกร้องต่อเนื่องไปอีกขั้น ต่อจากการวินิจฉัยนี้.
- พฤติกรรมอย่างนี้ มันย่อมส่อเจตนาที่ไม่สุจริตใจอย่างชัดเจน ที่ผู้คนในสังคมพากันสงสัย.
- อีกอย่าง ก็ยังไม่รู้ว่า คำวินิจฉัยที่เผยแพร่ทางสื่อนี่ จะเป็นฉบับจริงหรือเปล่า เพราะยังไม่ลายเซ็นใด ๆ รับรอง.
...............
ประการที่ ๔.
- ตรงนี้ ผมถือว่า น่าจะติดคอตายกันทั้งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน และผู้เกี่ยวข้องกันเลยครับ.
- เพราะหลังจากที่ผมอ่านโดยละเอียดทุกตัวอักษรจนจบนั้น.
- แค่ขึ้นท้ายบรรทัดแรกก็เห็นชัดเลย ตรงที่ว่า....
- ผู้ตรวจ.....ได้พิจารณาข้อเท็จจริง.....
"ประกอบ เอกสารหลักฐาน จากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ฯ"
- ตรงนี้ผมอยากจะบอกดัง ๆ ว่า .....
- อันเอกสารสารพัด ที่ทางผู้ตรวจ ฯ ว่านำไปพิจารณานั้น น่าจะขาดอยู่ ๑ แผ่นครับ เป็น ๑ แผ่นที่พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเลยครับ.
- นั่นก็คือแผ่นที่ผมแนบมาด้วยนี้
- ผมว่า เพียงแค่ถ้าหากมาอ่านแผ่นนี้ของผมแผ่นเดียว พวกท่านก็น่าจะไม่ต้องเสียเวลามากมาย ในการพิจารณาเรื่องนี้เลยครับ.
- ไปเปิดตากว้าง ๆ แล้วดูเอาเองนะครับ พวกหัวหมอทั้งหลาย (ที่แนบมาด้วยแล้วนี้.
.............
ประการที่ ๕
- เอกสารที่ว่า เป็นเอกสารที่สำคัญที่สุดในแผ่นดิน ในการยุติเรื่องราวทั้งหมด ที่ถกเถียงกันจนบ้านจะพังว่า .....
"ระหว่าง มส. หรือ นายกรัฐมนตรีนั้น ใครกันแน่ ที่จะเป็นฝ่าย เริ่มแรกในการหยิบรายนามพระที่อาวุโสโดยสมณศักดิ์ ตามมาตร ๗ แห่ง พรบ. สงฆ์ เพื่อเสนอทูลเกล้า ฯ"
- ดูเลยครับ ในแผ่นที่ ๑ ที่ผมแนบมา เป็น...
หนังสือที่ ๖/๒๕๓๒
"หมายกำหนดการ พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ณ พระพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนดาสดาราม"
(พิธีสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร)
- ให้พิจารณาแถวที่ ๕ ว่า
".....จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ตามมติเอกฉันท์ของมหาเถรสมาคม...."
- ตรงนี้ท่านผู้คัดค้าน มติ มส. ครั้งนี้ จะอธิบายว่าไงครับ.
..................................
ประการที่ ๖
- เป็นที่สังเกต ว่า คำวินิจฉัยของ ผู้ตรวจการแผ่นดินในครั้งนี้ ได้ไปยก พรบ. สงฆ์มาอ้าง วก- วน ระหว่าง พ.ศ.๒๕๐๕ และมา พ.ศ.๒๕๐๕ แก้ไข ๒๕๓๕
- บางครั้ง ไปอ้าง ร่าง ที่ไม่ได้ประกาศใช้ (ไม่ระบุ พ.ศ. - ไปเน้นตรงที่มาตรา ๗ ที่ระบุให้นายกเป็นคนเริ่ม แต่ก็ได้แก้ไขก่อนที่ประกาศใช้ไปเรียบร้อยแล้ว)
- จึงดูแล้วทำให้สับสน ถามว่า ก็ทำไมละ ทำไมไม่อ้างเฉพาะที่ลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้อย่างเดียวละครับ.
- ที่ไม่ประกาศใช้ ผมจึงไม่พูดถึง เพราะไม่มีผลอะไร.
- วันนี้ผมแนบมาด้วยกันเลยครับ เอาทั้ง ปี พ.ศ.๒๕๐๕ และ พ.ศ.๒๕๐๕ (๒๕๓๕) มากางเทียบกันไปเลยครับ.
- ก็ปรากฏว่า หมวด ๑ ตรงมาตรา ๗ นั้น ทั้ง พ.ศ.๒๕๐๕ อย่างเดียว และ พ.ศ.๒๕๐๕ (๒๕๓๕)
- ทั้ง ๒ พ.ศ.ปรากฏถ้อยคำระบุชัดแจ้ง (ขีดเส้นใต้) ว่า...
"ให้นายกรัฐมนตรี โดยการเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุด โดยสมณศักดิ์ ขึ้นทูลเกล้า ฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช...."
- แนบมาด้วยแล้วครับ.
.........
ประการที่ ๗
- จุดสลบมาอยู่ที่ข้อว่า
- ก็ในเมื่อปรากฏข้อความที่เหมือนกันทุกประการ คำใช้ไม่มีตกหล่นใด ๆ ทั้งสิ้น ที่ปรากฏใน พรบ. สงฆ์ทั้ง ๒ พ.ศ. นั้น.
- พ.ศ.๒๕๐๕ ได้ใช้ในการสถาปนา สมเด็จพระญาณสังวร (พ.ศ.๒๕๓๒) ไปแล้ว.
- ก็แล้วทำไม พ.ศ.๒๕๐๕ (๒๕๓๕) จะใช้ในการสถาปนาสมเด็จช่วงกลับไช้ไม่ได้ กลับนำมาอ้างกันส่งเดช ละครับ.
- ไอ้ที่อ้างว่า "พรบ. นี้ ยังไม่เคยใช้มาก่อนนั้น เขาเรียกโคตรแถ ใครจะไปเถียง เพราะ พรบ. นี้แก้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๕.
- แต่ไอ้ที่ข้อความเหมือนกันทุกประการ ทั้งที่ยังไม่มีการแก้ใด ๆ ทั้งสิ้นนี้ ยังจะอธิบายว่าไงครับ ว่า ...
- ใช้กับรูปนี้ได้ แต่ใช้กับรูปนี้ไม่ได้ จะเอากันอย่างนี้หรือครับ.
- หรือสุท้าย จะให้สังคมโยงไปถามผู้คัดค้านด้วยว่า
"การสถาปนาสมเด็จญาณที่ผ่านนั้นก็ผิด ไม่ชอบด้วยกฏหมายไปด้วยใช่มัย".
- ความเสียหายมากมายมหาศาล เช่นนี้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน หรือผู้เคลื่อนไหวป่วน พวกท่านจะสามารถรับไหวหรือครับ.
...........
สรูป
- ผมว่า หากคำพูด ของ ดร. วิษณุ นี้ ถ้าออกไปถึง สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน อาจนอนกันไม่หลับก็ได้นะครับ
- โดยเฉพาะ คุณ รักษเกชา แฉ่ฉาย เลาขาธิการ สนง. น่าจะหนาว ๆ ร้อน ๆ ซึ่งก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเองนะแหละ.
- ส่วนบทความของผมนี้ ผมก็ไม่คิดว่า จะไปถึง นักประหลาดทั้งหลายหรอก.
- ผมอยู่กับคนมีศีลมีธรรมแบบนี้ ผมก็พอใจแล้ว
- พวกแถก็ปล่อยให้มันดักดานจนตายงั้นหละ เพราะถ้าใจมันดี คงไม่มีความคิด ที่พิศดารแบบนี้ออกมากันหรอก.
........
- สุดท้าย ก่อนจบ ผมขอยกคำพูด ดร. วิษณุ เครืองาม มาให้สติ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะที่ทำสงฆ์ป่วนรายวันในยุคนี้
- ให้นำเอาไปคิดกันเอาเองนะครับว่า........
๑. ทำไม มส. จะต้องประชุมใหม่ (เรื่องตั้งสังฆราช).
๒. ใครเป็นคนบอกว่า (เรื่อง มติ มส.) ผิด.
๓. ซึ่งปัญหา (กฏหมาย) ต่าง ๆ ถ้ารัฐบาลสงสัย ก็จะสอบถามไปยัง คณะกรรมการกฤษฎีกา เพราะมีขั้นตอนอยู่แล้ว.
- ชัดเจนนะครับ โดยเฉพาะข้อที่ ๓ นี้ พุ่งใส่เข้าหน้าเต็ม ๆ เลยครับ เป็นใครคงไม่ต้องบอก และซึ่งผมคงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก แบบภาษาลูกทุ่งนะครับ.

โชคดีมีชัยทุกท่านครับ
เจ้าคุณเบอร์ลิน
04.03.2016
แนบเอกสาร และข่าวมติชนออนไล์
http://www.matichon.co.th/news/58758

2 ความคิดเห็น:

  1. สาธุ.เป็นธรรมดาครับท่านเจ้าคุณ พวกที่ขัดมติมส.ย่อมเป็นพวกขาดจริยธรรม ขาดสำนึกผิดชอบชั่วดี ขาดจรรยาบรรณในตนเองและวิชาชีพครับ

    ตอบลบ
  2. สาธุ.เป็นธรรมดาครับท่านเจ้าคุณ พวกที่ขัดมติมส.ย่อมเป็นพวกขาดจริยธรรม ขาดสำนึกผิดชอบชั่วดี ขาดจรรยาบรรณในตนเองและวิชาชีพครับ

    ตอบลบ